Skip to Content

กฎกระทรวง ฉบับที่ 364 (พ.ศ. 2563) การนำส่งเงินภาษี (e-Withholding Tax)

ธนาคารที่ประสงค์จะรับเงินภาษีจากผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีแทนกรมสรรพากรตามวรรคหนึ่งต้องยื่นคำขอต่ออธิบดีตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

กฎกระทรวง

ฉบับที่ 364 (พ.ศ. 2563)

 

ออกตามความในประมวลรัษฎากร

ว่าด้วยการนำส่งเงินภาษี

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 และมาตรา 4แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20)พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ในกฎกระทรวงนี้

“ธนาคาร” หมายความว่า ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินและสถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น

ข้อ 2 ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีตามประมวลรัษฎากรอาจเลือกวิธีการนำส่งเงินภาษีต่อกรมสรรพากรผ่านธนาคาร ตามมาตรา 3 ปัณรส ได้ตามกฎกระทรวงนี้

ธนาคารที่ประสงค์จะรับเงินภาษีจากผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีแทนกรมสรรพากรตามวรรคหนึ่งต้องยื่นคำขอต่ออธิบดีตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

ข้อ 3 ให้ผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 52 ภาษีเงินได้ตามมาตรา 70 และมาตรา 70 ทวิ และภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/5 และมาตรา 83/6 นำส่งเงินภาษีผ่านธนาคาร พร้อมกับการจ่ายเงินได้พึงประเมิน หรือการจำหน่ายเงินกาไรหรือเงินประเภทอื่นใดที่กันไว้จากกำไรหรือที่ถือได้ว่าเป็นเงินกำไร หรือการจ่ายเงินค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรก็ได้

ข้อ 4 ให้ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีตามข้อ 3 แจ้งรายการที่เกี่ยวข้องต่อธนาคารตามที่อธิบดีประกาศกำหนด โดยต้องมีรายการอย่างน้อย ดังต่อไปนี้

(1) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้มีหน้าที่นำส่งภาษี

(2) ชื่อหรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้รับเงิน

(3) ในกรณีภาษีเงินได้ ให้ระบุประเภทของเงินได้พึงประเมินและจำนวนเงินได้ที่ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีได้นำส่ง และจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี)

(4) ในกรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ระบุมูลค่าทั้งหมดที่ผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้รับจากการขายสินค้าหรือการให้บริการ

(5) จำนวนภาษีที่หักหรือนำส่ง

ข้อ 5 เมื่อธนาคารได้รับเงินภาษีจากผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีตามข้อ 3 แล้ว ให้ธนาคารออกหลักฐานเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดงการรับชำระเงินภาษีดังกล่าวให้แก่ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีและผู้รับเงินหรือผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย

การออกหลักฐานเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดงการรับเงินภาษีตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

ข้อ 6 ให้ธนาคารนำส่งเงินภาษีตามข้อ 3 และรายการตามข้อ 4 ต่อกรมสรรพากรภายในระยะเวลาที่ได้ทำความตกลงกับกรมสรรพากรแต่ไม่เกินสี่วันทำการนับถัดจากวันที่ธนาคารได้รับเงินภาษีและรายการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

ข้อ 7 เมื่อธนาคารได้นำส่งเงินภาษีให้กรมสรรพากรแล้ว ให้กรมสรรพากรออกใบเสร็จรับเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษี และให้ถือว่าการเสียภาษีอากรเป็นการสมบูรณ์เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์

ให้ไว้ ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2563

อุตตม สาวนายน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง


หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 กำหนดให้ผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 52 แห่งประมวลรัษฎากร ภาษีเงินได้ ตามมาตรา 70 และมาตรา 70 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/5 และมาตรา 83/6 แห่งประมวลรัษฎากร อาจเลือกวิธีการนำส่งเงินภาษีดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวงแทนวิธีการนำส่งตามที่บัญญัติในมาตราที่เกี่ยวข้องก็ได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้(เล่ม 137 ตอนที่ 44 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 มิถุนายน 2563)

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)