Skip to Content

ค่าใช้จ่าย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีขอยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้ที่ได้รับจากทุนอุดหนุนการวิจัย

เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีขอยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้ที่ได้รับจากทุนอุดหนุนการวิจัย


ข้อเท็จจริง

นาย ส. ปฏิบัติราชการอยู่ที่ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ได้รับทุนอุดหนุน

การวิจัย เรื่อง “การศึกษาระดับแคดเมียมและโครเมียมในเลือดและในปัสสาวะของกลุ่มคนสุขภาพ

แข็งแรงที่ไม่ได้ทำงานสัมผัสกับโลหะหนัก และกลุ่มคนที่ทำงานสัมผัสกับแคดเมียมและโครเมียม” จาก

สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม โดยทำสัญญารับทุนศึกษาวิจัย เมื่อวันที่ 8

กันยายน 2542 มีกำหนดเวลา 12 เดือน จำนวนทุนวิจัยเหมาจ่ายเป็นเงิน 273,000 บาท แบ่งจ่าย

เงินเป็น 3 งวด ตามผลสำเร็จของงาน ดังนี้

งวดที่ 1 จำนวนเงิน 81,900 บาท

งวดที่ 2 จำนวนเงิน 136,500 บาท

งวดที่ 3 จำนวนเงิน 54,600 บาท

ในการศึกษาวิจัยดังกล่าว นาย ส. เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย สำนักงานประกันสังคมได้

สั่งจ่ายเงินทุนวิจัยในนามของ นาย ส. โดยได้จ่ายเงินงวดที่ 1 เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2542

โครงการวิจัยดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม เพื่อหามาตรการ

ป้องกันโรคจากการทำงานโดยเฉพาะ โดยกลุ่มผู้วิจัยมิได้รับเงินค่าตอบแทนเพื่อประโยชน์ส่วนตนใด ๆ

ทั้งสิ้น เงินวิจัยทั้งหมดที่ได้รับเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเครื่องมือและการวิเคราะห์ต่าง ๆ และผลงาน

การวิจัยตกเป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานประกันสังคม ดังนั้น เพื่อให้งานวิจัยดังกล่าวบรรลุเป้าหมาย จึง

ขอให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินที่ได้รับจากเงินทุนวิจัยดังกล่าว


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 46, มาตรา 56

แนววินิจฉัย

1. การที่สำนักงานประกันสังคมทำสัญญาให้ทุนศึกษาวิจัย ในลักษณะเหมาจ่ายเป็นเงิน

273,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 งวด ตามผลสำเร็จของงานที่กำหนดในสัญญา และเงินทุนที่จ่ายถูก

นำไปใช้จ่ายสำหรับค่าเครื่องมือและการวิเคราะห์ต่าง ๆ โดยผลงานวิจัยตกเป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงาน

ประกันสังคม เข้าลักษณะเป็นการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร การ

จ่ายเงินดังกล่าวจึงไม่เข้าลักษณะเป็นรางวัลเพื่อการศึกษาหรือค้นคว้าในวิทยาการที่ได้รับยกเว้นไม่ต้อง

นำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 42(11) แห่งประมวลรัษฎากร

2. เนื่องจากโครงการวิจัยดังกล่าว นาย ส. เป็นหัวหน้าโครงการ โดยมีบุคคลอื่นร่วม

ปฏิบัติงานวิจัยด้วยจึงถือว่าผู้ร่วมโครงการวิจัยเป็นคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ดังนั้น เงินทุนศึกษาวิจัยที่ได้

รับจึงต้องนำไปเสียภาษีเงินได้ในนามของคณะบุคคล ตามมาตรา 56 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร

โดยให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามความจำเป็นและสมควร ตามมาตรา 46 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับ

พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 11) พ.ศ.2502




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/2880 ลงวันที่ 11 เมษายน 2543

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)