พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 734) พ.ศ. 2564 การยกเว้นรัษฎากร มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันการเงินประชาชน
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 734) พ.ศ. 2564 -------------------------- พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เป็นปีที่ 6 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ในบางกรณี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและมาตรา 3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 734) พ.ศ. 2564” มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้ “องค์กรการเงินชุมชน” หมายความว่า องค์กรการเงินชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันการเงินประชาชน “สถาบันการเงินประชาชน” หมายความว่า สถาบันการเงินประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันการเงินประชาชน มาตรา 4 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 2 หมวด 3 ภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด 4 ภาษีธุรกิจเฉพาะตามหมวด 5 และอากรแสตมป์ตามหมวด 6 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บุคคลที่รวมตัวกันเป็นคณะบุคคลเพื่อจัดตั้งองค์กรการเงินชุมชน สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน มูลค่าของฐานภาษี รายรับ และการกระทำตราสาร อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนสถานะขององค์กรการเงินชุมชนไปเป็นสถาบันการเงินประชาชน ทั้งนี้ เฉพาะการโอนทรัพย์สินที่ได้กระทำภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ได้รับจดทะเบียนเป็นสถาบันการเงินประชาชนให้นำความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับแก่การโอนทรัพย์สินให้แก่สถาบันการเงินประชาชนที่ได้จดทะเบียนแล้วก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับ และได้โอนทรัพย์สินภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม มาตรา 5 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 2 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่สมาชิกของสถาบันการเงินประชาชน สำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ก) และ (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้ (1) ดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับจากสถาบันการเงินประชาชนทุกบัญชีรวมกันของสมาชิกแต่ละราย มีจำนวนทั้งสิ้นไม่เกินสองหมื่นบาทตลอดปีภาษีนั้น (2) เงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนที่ได้รับการจัดสรรจากกำไรสุทธิประจำปีตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันการเงินประชาชน มาตรา 6 ให้ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะตามหมวด 5 ในลักษณะ 2 และยกเว้นอากรแสตมป์ตามหมวด 6 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่สถาบันการเงินประชาชน สำหรับรายรับอันเนื่องมาจากกิจการของสถาบันการเงินประชาชนเฉพาะการประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ และการกระทำตราสารที่สถาบันการเงินประชาชนออกให้กับสมาชิก มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
---------------------------------------------------------------------------------------------------------- หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันการจัดตั้งและการดำเนินงานตามภารกิจของสถาบันการเงินประชาชนมีภาระต้นทุนสูงซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจฐานรากและต่อการเข้าถึงบริการทางการเงินของประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม สมควรยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ เพื่อลดภาระต้นทุนในการเปลี่ยนสถานะขององค์กรการเงินชุมชนในการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นสถาบันการเงินประชาชน และยังช่วยส่งเสริมการออมทรัพย์และบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่สมาชิกของสถาบันการเงินประชาชน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
(เล่ม 138 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤศจิกายน 2564) |