BOI ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการใช้สิทธิประโยชน์ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน
เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการใช้สิทธิประโยชน์ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนข้อเท็จจริงบริษัทฯ ประกอบกิจการผลิตเม็ดพลาสติกโดยได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จำนวน 2 ฉบับ ดังนี้ บัตรส่งเสริมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนฉบับที่ 1 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2539 (บัตร 1) ส่งเสริมการลงทุนในการผลิต POLYCARBONATE RESIN ประเภท 6.5 การผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเคมี ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริมมีกำหนดเวลา 8 ปี ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2541 ถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2549 ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ ได้รับจากการลงทุนในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติมีกำหนดเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2549 ถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2554 และได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินปันผลจาก กิจการที่ได้รับการส่งเสริมซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตลอดระยะเวลาที่ผู้ได้รับการส่งเสริมได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และได้รับอนุญาตให้หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าประปา สองเท่าของรายจ่ายดังกล่าว เป็นระยะเวลาสิบปีนับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการ ตามมาตรา 31 มาตรา 34 และ มาตรา 35 (2)(3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ.2520 บัตรส่งเสริมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนฉบับที่ 2 ลงวันที่ 22 มกราคม 2545 (บัตร 2) ส่งเสริมการลงทุนในการผลิต POLYCARBONATE RESIN ประเภท 6.5 การผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเคมี ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริมมีกำหนดเวลา 8 ปี ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2546 ถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2554 ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุนในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติมีกำหนดเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2554 ถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2559 และได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินปันผลจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตลอดระยะเวลาที่ผู้ได้รับการส่งเสริมได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและได้รับอนุญาตให้หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าประปา สองเท่าของรายจ่ายดังกล่าว เป็นระยะเวลาสิบปีนับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการ ตามมาตรา 31 มาตรา 34 และมาตรา 35 (2)(3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนฯ ผลการประกอบการของบริษัทฯ นับตั้งแต่ปี 2541 จน ถึงปี 2549 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิจากบัตร 1 ในปี 2546 และผลขาดทุนสุทธิจากบัตร 2 ในปี 2546 และปี 2547 ซึ่งอยู่ในช่วงที่บริษัทฯ ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี ส่วนปีที่เหลือนั้น บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิทุกปี บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50 ) มาตลอดโดยใช้สิทธิหักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และ ค่าประปา สองเท่าทุกปี บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในปี 2544 ปี 2548 และปี 2549 บริษัทฯ ขอทราบว่า 1. กรณีคำนวณกำไรสุทธิเพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นที่จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนฯ จะต้องคำนวณตามกำไรสุทธิทางบัญชี หรือกำไรสุทธิทางภาษี และหากบริษัทฯ นำผลขาดทุนสุทธิที่เกิดขึ้นในปี 2546 และปี 2547 มาหักกลบกับผลกำไรสุทธิทางภาษีของปีที่เหลือ เพื่อคำนวณหากำไรสะสมทางภาษีที่จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ยังคงได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินปันผลที่จ่าย หรือไม่ 2. กรณีการได้สิทธิประโยชน์ตามมาตรา 35 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนฯที่ได้รับอนุญาตให้หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าประปาสองเท่าของรายจ่ายดังกล่าวเป็นระยะเวลาสิบปีนับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการนั้น (1) บริษัทฯ มีสิทธิจะใช้เฉพาะบัตรใดบัตรหนึ่ง ได้หรือไม่ และบริษัทฯ จะใช้สิทธิในบางปี และไม่ใช้สิทธิในบางปี ได้หรือไม่ (2) บริษัทฯ ได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 โดยใช้สิทธิหักค่าใช้จ่ายสองเท่าทุกปีของทุกบัตร หากบริษัทฯ จะยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ใหม่ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2541 เพื่อใช้สิทธิหักค่าใช้จ่ายสองเท่าเป็นบางบัตร ได้หรือไม่ 3. ผลขาดทุนสุทธิของบัตร 1 ที่เกิดขึ้นในปี 2546 และผลขาดทุนสุทธิของบัตร 2ที่เกิดขึ้นในปี 2546 และ ปี 2547 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทฯ ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี สามารถนำไปหักกับกำไรประจำปีของบริษัทฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างเวลาได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลปีถัดไปได้ หรือไม่ กฎหมายที่เกี่ยวข้องมาตรา 31 มาตรา 34 และมาตรา 35(2)3( แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนแนววินิจฉัย1. กรณีตาม 1. บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งได้รับยกเว้นเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนฯ บริษัทฯ ต้องจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิทางภาษี และเงินปันผลดังกล่าว จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตลอดระยะเวลาที่ผู้ได้รับการส่งเสริมได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนฯ เมื่อบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามข้อ 5 ข้อ 6 และข้อ 7 ของประกาศกรมสรรพากร เรื่อง การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 ดังนี้ (1) ต้องเป็นเงินปันผลที่ผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนเป็นผู้จ่าย และผู้รับเงินปันผลได้รับในระหว่างระยะเวลาที่ผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล (2) ต้องเป็นเงินปันผลที่จ่ายจากกำไรสุทธิของกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคลเท่านั้น (3) กรณีผู้ได้รับการส่งเสริมประกอบกิจการทั้งที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ผู้ได้รับการส่งเสริมจะจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิที่เกิดจากกิจการใด เป็นจำนวนเท่าใดก็ได้ แต่ผู้รับเงินปันผลจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เฉพาะเงินปันผลที่จ่ายจากกำไรสุทธิของกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เท่านั้น กรณีที่ผู้ได้รับการส่งเสริมจ่ายเงินปันผลโดยมิได้ระบุว่าเงินปันผลดังกล่าวจ่ายจากกำไรสุทธิของกิจการใด ให้เฉลี่ยเงินปันผลดังกล่าวตามส่วนของกำไรสุทธิของกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลกับกำไรสุทธิของกิจการที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 2. กรณีตาม 2. บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนให้ได้รับสิทธิและประโยชน์ตาม มาตรา 35 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนฯ บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร โดยรายจ่ายที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีใด ต้องลงเป็นรายจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องนำรายจ่ายค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าประปา จำนวน สองเท่าของรายจ่ายดังกล่าวของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนบัตรใด มาถือเป็นรายจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่รายจ่ายในกิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนนั้นเกิดขึ้น โดยจะเลือกใช้สิทธิในบางปีและไม่ใช้สิทธิในบางปีก็ได้ แต่หากปีใดไม่นำรายจ่ายค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และ ค่าประปาจำนวนสองเท่าของรายจ่ายดังกล่าว มาถือเป็นรายจ่ายแล้ว ก็ไม่มีสิทธินำไปหักเพิ่มเติมในปีต่อไปได้อีก และหากบริษัทฯ ประสงค์จะยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด 50) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ปี 2541 เพิ่มเติม เพื่อปรับปรุงการใช้สิทธิหักค่าใช้จ่ายสองเท่าเป็นบางบัตร ตามมาตรา 35 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนฯ แล้ว มีผลทำให้บริษัทฯ ต้องชำระภาษีเพิ่มเติมในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น บริษัทฯ ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่งโดยไม่รวมเบี้ยปรับตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร 3. กรณีตาม 3. บริษัทฯ ได้รับบัตรส่งเสริมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 2 ฉบับ บริษัทฯ ต้องนำผลกำไรสุทธิและผลขาดทุนสุทธิจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนทั้ง 2 ฉบับนั้น มารวมคำนวณให้เป็นยอดกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของรอบระยะเวลาบัญชีนั้น เพียงยอดเดียว ถ้ามีกำไรสุทธิก็ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และถ้าหากมีผลขาดทุนสุทธิเหลือ บริษัทฯ มีสิทธินำไปหักออกจากกำไรประจำปีที่เกิดขึ้นในระหว่างเวลาได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคลในปีถัดไปได้ ที่มา:หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0702/5562 ลงวันที่ 04 กันยายน 2551 |