พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 775) พ.ศ. 2566 การลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับธุรกรรมเกี่ยวกับตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 775) พ.ศ. 2566 ------------------------- พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ ในบางกรณี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 775) พ.ศ. 2566” มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้ “เงินเทียบเท่าเงินปันผล” หมายความว่า เงินที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จ่ายให้แก่ผู้ถือตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศจากเงินปันผลหรือเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับเงินปันผล หรือเงินได้จากการขายหุ้นปันผลที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นได้รับมาอันเนื่องมาจากการถือหลักทรัพย์ต่างประเทศเพื่อการออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศดังกล่าว มาตรา 4 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำหรับเงินได้ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ได้รับจากการถือหลักทรัพย์ต่างประเทศไว้เพื่อการออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ถือตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องไม่นำเงินได้ดังกล่าวมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล มาตรา 5 ให้ลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละสิบของเงินได้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้ถือตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 4 ซึ่งเมื่อคำนวณภาษีตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่าร้อยละสิบของเงินได้ ทั้งนี้ สำหรับเงินได้พึงประเมินในกรณีดังต่อไปนี้ (1) เงินได้ที่เป็นเงินเทียบเท่าเงินปันผลที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 4 จ่ายให้แก่ผู้ถือตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (2) เงินได้ที่เป็นตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 4 เป็นผู้ออกให้เพิ่ม เนื่องจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นได้รับเงินปันผลหรือเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับเงินปันผลหรือหุ้นปันผลจากการถือหลักทรัพย์ต่างประเทศเพื่อการออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ในกรณีที่เงินได้พึงประเมินตามวรรคหนึ่ง เมื่อคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้ให้ผู้มีเงินได้มีสิทธิได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้ดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ เมื่อผู้มีเงินได้ยอมให้ผู้จ่ายเงินได้หักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ในอัตราร้อยละสิบของเงินได้นั้น ให้ผู้มีเงินได้ซึ่งถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้แล้วในอัตราร้อยละสิบของเงินได้ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง เมื่อถึงกำหนดยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินนั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นคืนหรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ผู้มีเงินได้ซึ่งได้รับสิทธิตามมาตรานี้ จะต้องไม่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลสนับสนุนให้มีการส่งเสริมธุรกรรมเกี่ยวกับตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ เพิ่มผลิตภัณฑ์การลงทุนในตลาดทุนไทย และส่งเสริมให้นักลงทุนรายย่อยมีโอกาสลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ อันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและตลาดทุนไทยเพื่อส่งเสริมให้มีธุรกรรมเกี่ยวกับตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความซ้ำซ้อนและบรรเทาภาระภาษีเงินได้สำหรับธุรกรรมดังกล่าว สมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับธุรกรรมเกี่ยวกับตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
(เล่ม 140 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 15 สิงหาคม 2566) |