Skip to Content

พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 708) พ.ศ. 2563 ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับรายจ่ายค่าจ้างลูกจ้าง

พระราชกฤษฎีกา

ออกตามความในประมวลรัษฎากร

ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 708)

.ศ. 2563

---------------------

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ

พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

ให้ไว้ ณ วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เป็นปีที่ 5 ในรัชกาลปัจจุบัน

 

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในบางกรณี

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและมาตรา 3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 708) พ.ศ. 2563”

มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละสองร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายให้แก่ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2537 เพื่อเป็นค่าจ้างสำหรับการทำงานในเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 ตามจำนวนที่จ่ายจริงและลูกจ้างนั้นได้รับค่าจ้างไม่เกินหนึ่งหมื่นห้าพันบาทต่อเดือน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

รายจ่ายตามวรรคหนึ่ง ต้องจ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

“ค่าจ้าง” หมายความว่า เงินที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงานสำหรับระยะเวลาการทำงานปกติเป็นรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือนหรือระยะเวลาอื่น และให้หมายความรวมถึงเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างในวันหยุดและวันลาที่ลูกจ้างมิได้ทำงาน ซึ่งลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน แต่ไม่รวมถึงค่าล่วงเวลาเงินโบนัส หรือทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเนื่องจากการจ้างแรงงาน

มาตรา 4 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 3 ต้อง

(1) มีรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีสุดท้ายซึ่งมีกำหนดครบสิบสองเดือน โดยวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดก่อนหรือในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2562 ไม่เกินห้าร้อยล้านบาท ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร และมีการจ้างแรงงานไม่เกินสองร้อยคนในรอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าว

(2) มีจำนวนลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตน ณ วันสุดท้ายของเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 และเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 แล้วแต่กรณีไม่น้อยกว่าจำนวนลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตน ณ วันสุดท้ายของเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 เว้นแต่มีเหตุอันสมควร ทั้งนี้ ตามที่อธิบดีประกาศกำหนด

(3) ไม่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาอื่นที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรเนื่องจากรายจ่ายในการจ้างงานลูกจ้างตามมาตรา 3 ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

(4) ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

มาตรา 5 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกานี้และต่อมาไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่กำหนดตามมาตรา 3 และมาตรา 4 ให้สิทธิที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกานี้สิ้นสุดลง และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นจะต้องนำเงินได้ที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ไปแล้วไปรวมเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธินั้น

มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

 

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

       นายกรัฐมนตรี

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีสุดท้ายไม่เกินห้าร้อยล้านบาท และมีการจ้างแรงงานไม่เกินสองร้อยคน สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละสองร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เพื่อเป็นค่าจ้างสำหรับการจ้างงานลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้แก่ผู้ประกอบการ และส่งเสริมเสถียรภาพของการจ้างงานภาคธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

 

(เล่ม 137 ตอนที่ 54 ก ราชกิจจานุเบกษา 12 กรกฎาคม 2563)

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)