Skip to Content

พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 674) พ.ศ. 2561 ลดอัตราและยกเว้นรัษฎากรให้แก่ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศและคนต่างด้าวที่ปฏิบัติงานในศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศฯ

พระราชกฤษฎีกา

ออกตามความในประมวลรัษฎากร

ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 674)

.ศ. 2561

 --------------------

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

ให้ไว้ ณ วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เป็นปีที่ 3 ในรัชกาลปัจจุบัน

 

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ และยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ บางกรณี

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 674) พ.ศ. 2561”

มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้

“คนต่างด้าว” หมายความว่า บุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย

“ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ” หมายความว่า บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยเพื่อประกอบกิจการให้บริการด้านบริหาร ให้บริการด้านเทคนิค ให้บริการสนับสนุน หรือให้บริการด้านการบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือ หรือประกอบกิจการการค้าระหว่างประเทศ โดยได้รับอนุมัติจากอธิบดีตามมาตรา 10

“ให้บริการสนับสนุน” หมายความว่า ให้บริการสนับสนุนในเรื่องดังต่อไปนี้

(1) การบริหารงานทั่วไป การวางแผนทางธุรกิจ และการประสานงานทางธุรกิจ

(2) การจัดหาวัตถุดิบและชิ้นส่วน

(3) การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์

(4) การสนับสนุนด้านเทคนิค

(5) การส่งเสริมด้านการตลาดและการขาย

(6) การบริหารด้านงานบุคคลและการฝึกอบรม

(7) การให้คำปรึกษาด้านการเงิน

(8) การวิเคราะห์และวิจัยด้านเศรษฐกิจและการลงทุน

(9) การจัดการและควบคุมสินเชื่อ

(10) การให้บริการสนับสนุนอื่น ๆ ตามที่อธิบดีประกาศกำหนด

“ให้บริการด้านการบริหารเงิน” หมายความว่า ให้บริการด้านการบริหารเงินในเรื่องดังต่อไปนี้

(1) การบริหารเงินของศูนย์บริหารเงินซึ่งได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน

(2) การกู้ยืมและให้กู้ยืมเงินบาทของศูนย์บริหารเงินซึ่งได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน

“กิจการการค้าระหว่างประเทศ” หมายความว่า การจัดซื้อและขายสินค้าระหว่างประเทศโดยอาจมีการให้บริการสำหรับสินค้าที่จัดซื้อและขายนั้นก็ได้ ทั้งนี้ บริการดังกล่าว ได้แก่

(1) การจัดหาสินค้า

(2) การเก็บรักษาสินค้าระหว่างรอการส่งมอบ

(3) การจัดทำหีบห่อและบรรจุภัณฑ์

(4) การขนส่งสินค้า

(5) การประกันภัยสินค้า

(6) การให้คำปรึกษาแนะนำและบริการด้านเทคนิคและฝึกอบรมเกี่ยวกับสินค้า

(7) การให้บริการอื่น ๆ ตามที่อธิบดีประกาศกำหนด

“วิสาหกิจในเครือ” หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ในลักษณะดังต่อไปนี้

(1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งถือหุ้นในศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศทั้งทางตรงหรือทางอ้อมรวมกันคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด

(2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วนทั้งทางตรงหรือทางอ้อมรวมกันคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด

(3) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (1) ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนทั้งทางตรงหรือทางอ้อมรวมกันคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด

(4) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงานของศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ

(5) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศมีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน

(6) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (4) มีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน

“รายได้ของกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ” หมายความว่า รายได้ดังต่อไปนี้

(1) รายได้จากการให้บริการด้านการบริหาร ให้บริการด้านเทคนิค ให้บริการสนับสนุน หรือให้บริการด้านการบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือ

(2) ค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือ ทั้งนี้ เฉพาะค่าสิทธิที่เกิดจากผลการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่กระทำขึ้นในประเทศไทย โดยศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศได้วิจัยและพัฒนาเองหรือจ้างผู้อื่นวิจัยและพัฒนา ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

“รายจ่ายของกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ” หมายความว่า รายจ่ายที่ได้จ่ายไปเพื่อให้เกิดรายได้ของกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ

มาตรา 4 ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ในการหักภาษี ณ ที่จ่าย และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละสิบห้าของเงินได้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่คนต่างด้าวได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานของศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งเมื่อคำนวณตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีในอัตราที่กำหนดในบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรสูงกว่าร้อยละสิบห้าของเงินได้

ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามวรรคหนึ่ง เมื่อคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย น้อยกว่าร้อยละสิบห้าของเงินได้ให้คนต่างด้าวผู้มีเงินได้มีสิทธิได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้ดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 5 เมื่อคนต่างด้าวนั้นยอมให้ผู้จ่ายเงินได้หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละสิบห้าของเงินได้นั้น

มาตรา 5 ให้คนต่างด้าวซึ่งถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้แล้วในอัตราร้อยละสิบห้าของเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 4 เมื่อถึงกำหนดยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินนั้น มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่คนต่างด้าวไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นคืนหรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

ในกรณีที่คนต่างด้าวมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) และ (8) แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากรไว้แล้ว และมีสิทธิเลือกเสียภาษี ตามมาตรา 48 (3) และ (4) แห่งประมวลรัษฎากร คนต่างด้าวจะมีสิทธิได้รับการยกเว้นตามวรรคหนึ่งเมื่อปรากฏว่าในการยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน คนต่างด้าวมิได้นำเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (4) และ (8) แห่งประมวลรัษฎากรดังกล่าว และเงินได้พึงประเมินที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 4 มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ และต้องไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นคืนหรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

ในการได้รับยกเว้นตามมาตรานี้ คนต่างด้าวต้องยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ด้วย

มาตรา 6 คนต่างด้าวซึ่งทำงานประจำศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศที่จะได้รับสิทธิ ตามมาตรา 4 และมาตรา 5 ต้องมีคุณสมบัติและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

มาตรา 7 ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ตาม (ก) ของ (2) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแห่งบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ และคงจัดเก็บในอัตราดังต่อไปนี้

(1) ร้อยละแปดของกำไรสุทธิ สำหรับรายได้ของกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ทั้งนี้ เฉพาะศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศที่มีรายจ่ายของกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศที่ได้จ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทย ไม่น้อยกว่าหกสิบล้านบาท ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี

(2) ร้อยละห้าของกำไรสุทธิ สำหรับรายได้ของกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ทั้งนี้ เฉพาะศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศที่มีรายจ่ายของกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศที่ได้จ่าย
ให้แก่ผู้รับในประเทศไทย ไม่น้อยกว่าสามร้อยล้านบาท ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี

(3) ร้อยละสามของกำไรสุทธิ สำหรับรายได้ของกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ทั้งนี้ เฉพาะศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศที่มีรายจ่ายของกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศที่ได้จ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทย ไม่น้อยกว่าหกร้อยล้านบาท ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี

มาตรา 8 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ สำหรับรายได้จากเงินปันผลที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือ

มาตรา 9 ให้ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะตามหมวด 5 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ สำหรับรายรับจากการให้บริการด้านการบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือ

มาตรา 10 บริษัทใดที่ประสงค์จะเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศต้องยื่นคำร้องขอพร้อมกับแผนธุรกิจที่แสดงถึงการเป็นศูนย์กลางของธุรกิจในระดับภูมิภาคหรือระดับโลกและรายชื่อวิสาหกิจในเครือในประเทศไทยและในต่างประเทศ และได้รับอนุมัติจากอธิบดี

การขออนุมัติตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

มาตรา 11 บริษัทที่ประสงค์ที่จะขออนุมัติตามมาตรา 10 ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

(1) เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยเพื่อประกอบกิจการให้บริการด้านบริหาร ให้บริการด้านเทคนิค ให้บริการสนับสนุน หรือให้บริการด้านการบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือ และมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่สิบล้านบาทขึ้นไป

(2) มีพนักงานที่มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศโดยทำงานประจำให้แก่ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ เป็นจำนวนไม่น้อยกว่าสิบคน เว้นแต่กรณีศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศที่มีเฉพาะการให้บริการด้านการบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือ อาจมีพนักงานน้อยกว่าสิบคนก็ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าห้าคน

มาตรา 12 ให้ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศได้รับสิทธิตามมาตรา 7 มาตรา 8 และมาตรา 9 เป็นระยะเวลาสิบห้ารอบระยะเวลาบัญชี นับแต่วันถัดจากวันที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีตามมาตรา 10 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีดังต่อไปนี้

(1) กรณีที่รอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ยื่นคำร้องขอและได้รับอนุมัติให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรก หรือ

(2) กรณีที่มีการยื่นคำร้องขอและได้รับอนุมัติให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรก แม้ว่าจะมีระยะเวลาน้อยกว่าสิบสองเดือนก็ตาม

มาตรา 13 ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามมาตรา 7 มาตรา 8 และมาตรา 9 ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

(1) มีคุณสมบัติตามมาตรา 11

(2) มีรายจ่ายของกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศที่ได้จ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทยไม่น้อยกว่าหกสิบล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี เว้นแต่กรณีตามมาตรา 16 มาตรา 17 หรือมาตรา 18

(3) มีการให้บริการด้านบริหาร ให้บริการด้านเทคนิค ให้บริการสนับสนุน หรือให้บริการ
ด้านการบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือ

(4) ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

ในกรณีที่ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศขาดคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใดในรอบระยะเวลาบัญชีใดให้การได้รับสิทธิประโยชน์เป็นอันระงับเฉพาะในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น

มาตรา 14 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย สำหรับรายได้ดังต่อไปนี้

(1) เงินปันผลที่ได้รับจากศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ดังต่อไปนี้

(ก) เงินปันผลที่จ่ายจากรายได้ที่มาจากการให้บริการด้านการบริหาร ให้บริการด้านเทคนิคให้บริการสนับสนุน หรือให้บริการด้านการบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือซึ่งได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้ตามมาตรา 7

(ข) เงินปันผลที่จ่ายจากรายได้ของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคตามมาตรา 11 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 405) พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

(ค) เงินปันผลที่จ่ายจากรายได้ของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคตามมาตรา 11/11 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 405) พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

(ง) เงินปันผลที่จ่ายจากรายได้ของสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศตามมาตรา 11 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 586) พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

(2) ดอกเบี้ยที่ได้รับจากศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ทั้งนี้ เฉพาะดอกเบี้ยจากเงินกู้ยืมที่ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศได้กู้มาเพื่อให้กู้ยืมต่อแก่วิสาหกิจในเครือที่เป็นการให้บริการด้านการบริหารเงิน

เงินปันผลตามวรรคหนึ่ง (1) (ข) (ค) และ (ง) ต้องเป็นเงินปันผลที่ได้รับภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่มีการอนุมัติจากอธิบดีให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศตามมาตรา 10

มาตรา 15 ในกรณีที่ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศขาดคุณสมบัติตามมาตรา 13 มาตรา 17 หรือมาตรา 18 ต่อเนื่องเกินกว่าหนึ่งรอบระยะเวลาบัญชี หรือไม่มีลักษณะเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศตามพระราชกฤษฎีกานี้ อธิบดีมีอำนาจสั่งเพิกถอนการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ และให้สิทธิที่ได้รับการลดอัตราและยกเว้นภาษีตามพระราชกฤษฎีกานี้สิ้นสุดลง ทั้งนี้ นับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรก

มาตรา 16 สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคตามมาตรา 10 (4) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 405) พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศตามพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 11 โดยให้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศและได้รับอนุมัติจากอธิบดี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่ได้รับอนุมัติตามวรรคหนึ่ง ซึ่งจะได้รับสิทธิลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 และมาตรา 14 ต้องมีคุณสมบัติตามที่บัญญัติไว้
ในมาตรา 11 และมาตรา 13
(3) และ (4) ในกรณีที่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่ได้รับอนุมัติตามวรรคหนึ่ง มีรายจ่ายของกิจการไม่ถึงหกสิบล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ให้ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ตามมาตรา 7 (1)

มาตรา 17 สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคตามมาตรา 11/6 (6) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 405) พ.ศ. 2545และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศตามพระราชกฤษฎีกานี้ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 11 โดยให้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศและได้รับอนุมัติจากอธิบดี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

การดำเนินการของสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคตามวรรคหนึ่งมิให้ถือเป็นการแจ้งเลิกสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค

สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่ได้รับอนุมัติตามวรรคหนึ่ง ซึ่งจะได้รับสิทธิลดอัตราและยกเว้นภาษีตามมาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 และมาตรา 14 แห่งพระราชกฤษฎีกานี้ต้องมีคุณสมบัติตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 13 (3) และ (4) และมีรายจ่ายในการดำเนินงานซึ่งเกี่ยวกับกิจการที่จ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทยไม่น้อยกว่าสิบห้าล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี

ในกรณีที่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคที่ได้รับอนุมัติตามวรรคหนึ่ง มีรายจ่ายในการดำเนินงานซึ่งเกี่ยวกับกิจการที่จ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทยไม่น้อยกว่าสิบห้าล้านบาทแต่ไม่ถึงหกสิบล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ให้ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ตามมาตรา 7 (1)

มาตรา 18 สำนักงานใหญ่ข้ามประเทศตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 586) พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติมที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศตามพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 11 โดยให้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ และได้รับอนุมัติจากอธิบดี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

สำนักงานใหญ่ข้ามประเทศที่ได้รับอนุมัติตามวรรคหนึ่ง ซึ่งจะได้รับสิทธิลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 และมาตรา 14 แห่งพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 13 (3) และ (4) และมีรายจ่ายในการดำเนินงานซึ่งเกี่ยวกับกิจการที่จ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทยไม่น้อยกว่าสิบห้าล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี

ในกรณีที่สำนักงานใหญ่ข้ามประเทศที่ได้รับอนุมัติตามวรรคหนึ่ง มีรายจ่ายในการดำเนินงานซึ่งเกี่ยวกับกิจการที่จ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทยไม่น้อยกว่าสิบห้าล้านบาทแต่ไม่ถึงหกสิบล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ให้ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ตามมาตรา 7 (1)

มาตรา 19 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

 

  ผู้รับสนองพระราชโองการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

        นายกรัฐมนตรี

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------- 

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้มีการจัดตั้งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เพื่อประกอบกิจการให้บริการด้านบริหารและด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือจำเป็นแก่วิสาหกิจในเครือ หรือประกอบกิจการการค้าระหว่างประเทศ อันจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนทางธุรกิจในระดับภูมิภาคและในระดับโลก และเพื่อเป็นการเพิ่มแรงจูงใจและสนับสนุนให้มีการจัดตั้งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ สมควรลดอัตราและยกเว้นรัษฎากรให้แก่ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศและคนต่างด้าวที่ปฏิบัติงานในศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

 

(เล่ม 135 ตอนที่ 112 ก ราชกิจจานุเบกษา 28 ธันวาคม 2561)

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)