พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 587) พ.ศ. 2558 สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่บริษัทการค้าระหว่างประเทศและคนต่างด้าวที่ปฏิบัติงานในบริษัทการค้าระหว่างประเทศ
พระราชกฤษฎีกา -------------------------- ภูมิพลอดุลยเดชป.ร.
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ บางกรณี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 และมาตรา 3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา พระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 587) พ.ศ. 2558” มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา 4 ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ในการหักภาษี ณ ที่จ่ายและคงจัดเก็บในอัตราร้อยละสิบห้าของ เงินได้ สาหรับเงินได้พึงประเมินที่คนต่างด้าวได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานของบริษัทการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเมื่อคำนวณตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีในอัตราที่กำหนดในบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร สูงกว่า ร้อยละสิบห้าของเงินได้ มาตรา 5 ให้คนต่างด้าวซึ่งถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้แล้วในอัตราร้อยละสิบห้า ของเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา 4 เมื่อถึงกำหนดยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน ได้รับยกเว้น ไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินนั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่คนต่างด้าวไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นคืนหรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน มาตรา 6 คนต่างด้าวซึ่งจะได้รับสิทธิตามมาตรา 4 และมาตรา 5 ต้องเป็นคนต่างด้าวซึ่งทำงานประจำบริษัทการค้าระหว่างประเทศที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 8 และได้รับเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ตั้งแต่วันที่บริษัทการค้าระหว่างประเทศได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ตามมาตรา 7 จนถึงวันที่สิ้นสุดการทำงานประจำบริษัทการค้าระหว่างประเทศ หรือสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรา 7 ของบริษัทการค้าระหว่างประเทศเป็นอันระงับลง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด "มาตรา 7 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัทการค้าระหว่างประเทศ สำหรับรายได้จากการจัดซื้อและขายสินค้าในต่างประเทศโดยสินค้าดังกล่าวมิได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย หรือเข้ามาในประเทศไทยในลักษณะการผ่านแดนหรือการถ่ายลำตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร และรายได้จากการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศแก่นิติบุคคลในต่างประเทศที่ได้รับจากหรือในต่างประเทศ ทั้งนี้ บริษัทการค้าระหว่างประเทศต้องได้รับรายได้ดังกล่าวก่อนวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2562” มาตรา 8 บริษัทการค้าระหว่างประเทศที่จะได้รับสิทธิตามมาตรา 7 ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ มาตรา 9 บริษัทการค้าระหว่างประเทศที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 8 จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 7 เป็นระยะเวลาสิบห้ารอบระยะเวลาบัญชี นับแต่วันถัดจากวันที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีดังต่อไปนี้ “มาตรา 10 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย สำหรับเงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทการค้าระหว่างประเทศตามมาตรา 8 (3) ที่จ่ายจากรายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 7 ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เงินปันผลที่ได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่งต้องจ่ายภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563” มาตรา 11 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนโดยการส่งเสริมให้มีการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มแรงจูงใจและสนับสนุนให้มีการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ สมควรกำหนด ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่บริษัทการค้าระหว่างประเทศและคนต่างด้าวที่ปฏิบัติงานในบริษัทการค้าระหว่างประเทศดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ (ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 132 ตอนที่ 37 ก วันที่ 1 พฤษภาคม 2558) |