พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 574) พ.ศ. 2556 กำหนดรายการที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดรายการที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ (ฉบับที่ 574) พ.ศ. 2556 ------------------------ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เป็นปีที่ 68 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดรายการที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 65 ตรี (20) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 33 และมาตรา 41 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดรายการที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ (ฉบับที่ 574) พ.ศ. 2556” มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 รายการต่อไปนี้ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (1) เงินสำรองตามมาตรา 65 ตรี (1) (ก) หรือ (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งบริษัทใหม่ อันได้ควบเข้ากันหรือเป็นผู้รับโอนกิจการทั้งหมดได้กันไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต หรือกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย เป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองซึ่งบริษัทเดิมที่ได้ควบเข้ากันหรือเป็นผู้โอนกิจการทั้งหมดและจดทะเบียนเลิกได้กันไว้ ทั้งนี้ สำหรับบริษัทใหม่ที่ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเฉพาะเงินสำรองที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีถัดจากรอบระยะเวลาบัญชีแรกที่ควบเข้ากันหรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทเดิมอันได้ควบเข้ากันกับบริษัทอื่น หรือเป็นผู้โอนกิจการและจดทะเบียนเลิก ในกรณีที่มีการควบเข้ากันหรือการโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน ระหว่างบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจประกันวินาศภัยธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน หรือธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ สำหรับเงินสำรองตามมาตรา 65 (1) (ก) (ข) หรือ (ค) ตามประมวลรัษฎากร แล้วแต่กรณี สมควรกำหนดให้เงินสำรองดังกล่าวเป็นรายการที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของบริษัทใหม่อันได้ควบเข้ากันหรือเป็นผู้รับโอนกิจการ เนื่องจากการที่บริษัทใหม่ดังกล่าวจะนำเงินสำรองที่มีลักษณะอย่างเดียวกันที่ได้กันไว้ มาลงรายการเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของบริษัทในการเสียภาษีเงินได้อีกครั้ง ย่อมถือได้ว่าเป็นการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีซ้ำซ้อน ในเงินจำนวนเดียวกัน และโดยที่มาตรา 65 ตรี (20) แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติให้การกำหนดรายการ ที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในการเสียภาษีต้องเป็นรายจ่ายที่มีลักษณะทำนองเดียวกับที่ระบุไว้ในประมวลรัษฎากรและเป็นไปตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ (ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 130 ตอนที่ 123 ก วันที่ 23 ธันวาคม 2556) |