Skip to Content

พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 500) พ.ศ. 2553 การลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้ซึ่งทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์กับธนาคารแห่งประเทศไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 331

พระราชกฤษฎีกา

ออกตามความในประมวลรัษฎากร

ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 500)

พ.ศ. 2553

----------------------------

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เป็นปีที่ 65 ในรัชกาลปัจจุบัน

 

                       พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

                       โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ยืมและผู้ให้ยืมหลักทรัพย์บางกรณี

                       อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3(1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 33 และมาตรา 41 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
                       
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 500) พ.ศ. 2553

                       มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

                       มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า “ผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม” ในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 331) พ.ศ. 2541 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                                    
ผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม หมายความว่า ผู้ยืมหรือผู้ให้ยืมหลักทรัพย์ซึ่งเป็นบุคคล ดังต่อไปนี้
                                    (1)
ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
                                    (2)
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
                                    (3)
ธนาคารแห่งประเทศไทย                                    
                                    (4)
ผู้ซึ่งมอบหมายให้บุคคลตาม (1) หรือ (2) เป็นตัวแทนหรือนายหน้าในการทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์
                                    (5)
ผู้ซึ่งทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์กับบุคคลตาม (1) (2) หรือ (3)

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
      
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
         
นายกรัฐมนตรี

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยมีการยืมตราสารหนี้ภาครัฐจากเอกชน เพื่อนำมาใช้เป็นหลักประกันในการดำเนินนโยบายการเงิน และเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มสภาพคล่องหลักทรัพย์ในตลาดรองตราสารหนี้รวมทั้งส่งเสริมการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกรยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ในภาคเอกชนให้แพร่หลายมากขึ้นสมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้ซึ่งทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์กับธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับเงินได้จากการทำธุรกรรมอันเนื่องมาจากการยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ โดยกำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้ซึ่งทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์กับธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ในความหมายของบทนิยามคำว่า “ผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม” ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 331) พ.ศ. 2541 อันจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถบริหารนโยบายการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

 (ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 127 ตอนที่ 47 ก วันที่ 29 กรกฎาคม 2553)

 

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)