พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 498) พ.ศ. 2553 การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคให้แก่กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 428
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 498) พ.ศ. 2553 ---------------------------- ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เป็นปีที่ 65 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าสมควรแก้ไขเพิ่มเติมการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินบางกรณี มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 428) พ.ศ. 2548 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “มาตรา 4 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 2 และส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม กองทุนคุ้มครองเด็กตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก หรือกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ดังต่อไปนี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 428) พ.ศ. 2548 ได้กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้เท่าจำนวนเงินที่บริจาคให้แก่กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการตามพระราชบัญญัติการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2535 แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติดังกล่าวถูกยกเลิกแล้ว โดยพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ซึ่งได้บัญญัติให้ผู้บริจาคนำเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคให้แก่กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการไปหักลดหย่อน หรือยกเว้นภาษีเงินได้ตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น สมควรแก้ไขเพิ่มเติมการยกเว้นรัษฎากรให้สอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติฉบับใหม่ เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนและช่วยเหลือคนพิการต่อไป จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ (ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 127 ตอนที่ 37 ก วันที่ 9 มิถุนายน 2553) |