พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 362) พ.ศ. 2542 ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ 7305 Tue, Nov 1, 2022 พระราชกฤษฎีกา 179 พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 362)พ.ศ. 2542--------------------------ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.ให้ไว้ ณ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2542เป็นปีที่ 54 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์บางกรณี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและมาตรา 3(1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 362) พ.ศ. 2542” มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2542 เป็นต้นไป มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้ “บริษัทบริหารสินทรัพย์” หมายความว่า บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์(ดูพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 381) พ.ศ.2544) “สถาบันการเงิน” หมายความว่า สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ “สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ” หมายความว่า สินทรัพย์ด้อยคุณภาพตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ มาตรา 4 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ สำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับซื้อหรือรับโอนจากสถาบันการเงินที่ถือหุ้นในบริษัทบริหารสินทรัพย์นั้นเกินกว่าร้อยละ 50 ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง เท่ากับจำนวนที่บริษัทบริหารสินทรัพย์จ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่สถาบันการเงิน โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์ต้องทำข้อตกลงกับสถาบันการเงินผู้ถือหุ้นและสถาบันการเงินผู้ถือหุ้นต้องยินยอมหักรายจ่ายอื่นลดลงเป็นจำนวนเท่ากับเงินปันผลที่ได้รับ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด มาตรา 5 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์สำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับซื้อหรือรับโอนจากสถาบันการเงิน โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์นั้นจะต้องมีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ถือหุ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง การถือหุ้นโดยอ้อมตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด มาตรา 6 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมเกินกว่าร้อยละ 50 ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง สำหรับเงินได้เป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองที่บริษัทบริหารสินทรัพย์กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นจากเงินสำรองประเภทดังกล่าวที่ปรากฏในงบดุลของรอบระยะเวลาบัญชีก่อน เงินสำรองส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงเงินสำรองที่ตั้งในรอบระยะเวลาบัญชีแรกของบริษัทบริหารสินทรัพย์ด้วย ในกรณีที่รอบระยะเวลาบัญชีใดบริษัทบริหารสินทรัพย์ตั้งเงินสำรองประเภทดังกล่าวลดลง บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง จะต้องหักรายจ่ายอื่นลดลงเป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองที่ตั้งลดลงในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น การถือหุ้นโดยอ้อมตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 ได้กำหนดให้สถาบันการเงินสามารถจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อดำเนินการรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของสถาบันการเงินตลอดจนหลักประกันของสินทรัพย์นั้นเพื่อนำมาบริหารหรือจำหน่ายจ่ายโอนต่อไปได้ แต่เนื่องจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ยังคงมีภาระที่จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการบริหารสินทรัพย์ จึงทำให้การจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ สมควรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ สำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับซื้อหรือรับโอนจากสถาบันการเงิน และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ (ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 116 ตอนที่ 132 ก วันที่ 21 ธันวาคม 2542)