แหล่งเงินได้ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินได้ของครูชาวอังกฤษที่เข้ามาสอนในประเทศไทย
เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินได้ของครูชาวอังกฤษที่เข้ามาสอนในประเทศไทยข้อเท็จจริงนาง เอ เป็นบุคคลสัญชาติอังกฤษ ถือหนังสือเดินทางเลขที่ 00000444 หนังสืออนุญาตทำงาน เลขที่ 91/42 ออก ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2542 (1999) ประกอบอาชีพครูสอนภาษาอังกฤษ ได้ทำ สัญญาจ้างงานกับบริษัท เอ็มบีเอฟ จำกัด เป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อให้ทำการสอน ณ โรงเรียน นานาชาติ โดยเริ่มเข้ามาทำงานที่ประเทศไทยเมื่อเดือน สิงหาคม 2542 และสัญญาสิ้นสุดในวันที่ 31 สิงหาคม 2544(2001) ซึ่งขณะนี้ นาง เอ ได้เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศอังกฤษภายหลังจากสัญญา สิ้นสุดลง และจะกลับเข้ามาประเทศไทยอีก เพื่อต่อสัญญาและเริ่มงานอีกครั้ง ทั้งนี้ ได้อ้างถึงหนังสือตอบ ข้อหารือของกรมสรรพากร ที่ กค 0811/1556 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2544 โดยมีข้อสงสัยใน รายละเอียดของหนังสือฉบับดังกล่าว จึงหารือมาดังนี้ 1. ตลอดระยะเวลา 2 ปี แรกของการทำงานในประเทศไทย นาง เอ ได้รับการ ยกเว้น การชำระภาษีเงินได้ ถูกต้องหรือไม่ 2. นาง เอ จะต้องชำระภาษีเงินได้ต่อกรมสรรพากรในกรณีที่เริ่มทำงานในปีที่ 3 และปีต่อ ๆ ไป ถูกต้องหรือไม่ 3. ถ้าหากบริษัทนายจ้างได้หักเงินรายได้ไว้บางส่วน เพื่อเป็นการชำระภาษีแก่กรมสรรพากร มาโดยตลอด 2 ปี นาง เอ จะมีสิทธิได้รับเงินในส่วนนี้คืนหรือไม่ (จากทางบริษัท นายจ้าง) กฎหมายที่เกี่ยวข้องมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกา, (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505แนววินิจฉัยตามข้อ 21 วรรคหนึ่ง แห่งอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับสห ราชอาณาจักรอังกฤษฯ ได้กำหนดให้ศาสตราจารย์หรือครู ซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในสหราชอาณาจักรอังกฤษที่ เดินทางเข้ามาทำการสอนหรือวิจัยในมหาวิทยาลัย วิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับใน ประเทศไทย โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อทำการสอนหรือวิจัยดังกล่าว ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย สำหรับเงิน ค่าตอบแทนดังกล่าว ดังนั้น กรณีข้อหารือจึงพิจารณาได้ดังนี้ 1. ในกรณีที่นาง เอ เข้ามาทำการสอนในประเทศไทย มีระยะเวลาไม่เกิน 2 ปีนับจากวันที่ ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรก โดยนาง เอ จะต้องเดินทางออกจากประเทศไทยก่อนหรือ เมื่อครบกำหนด 2 ปี นาง เอ จะได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตั้งแต่แรกที่เข้ามา เยือนประเทศไทย ตามข้อ 21 วรรคหนึ่ง แห่งอนุสัญญาดังกล่าว และมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ.2505 2. ในกรณีที่นาง เอ เข้ามาทำการสอนครั้งแรกในประเทศไทย เป็นระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี โดยนาง เอ ได้เดินทางออกจากประเทศไทยก่อนหรือเมื่อครบกำหนด 2 ปีแล้ว หากนาง เอ เดินทาง กลับเข้ามาสอนในประเทศไทยอีกในปีที่ 3 หรือปีต่อ ๆ ไป แม้จะมีระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี ก็จะไม่ได้รับ การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกแต่อย่างใด เพราะข้อ 21 วรรคหนึ่งแห่งอนุสัญญาดังกล่าว ให้ การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการเข้ามาสอนเป็นครั้งแรก ซึ่งมีระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี เท่านั้น อย่างไรก็ดี หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าการเดินทางออกจากประเทศไทยของ นาง เอ ก่อนหรือเมื่อครบกำหนด 2 ปีดังกล่าว เป็นการเดินทางออกจากประเทศไทยชั่วคราว โดยนาง เอ จะ เดินทางกลับเข้ามายังประเทศไทย เพื่อต่อสัญญาการจ้างและเริ่มทำงานในปีที่ 3 หรือปีต่อ ๆ ไปแล้ว กรณีย่อมถือได้ว่าการเดินทางเข้ามาทำการสอนในประเทศไทยดังกล่าว มีลักษณะเป็นงานที่กระทำ ต่อเนื่องกันไปจากงานการสอนเดิม โดยมีระยะเวลาเกินกว่า 2 ปี นับแต่วันที่ได้ เดินทางเข้ามาใน ประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งจะมีผลทำให้นาง เอ มิได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใน ประเทศไทยสำหรับค่าตอบแทนในการสอนมาตั้งแต่ต้น 3. กรณีหากบริษัทนายจ้างหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ ที่จ่ายจากนาง เอ และนำส่งแล้ว โดยสำคัญผิด นาง เอ มีสิทธิยื่นคำร้อง (แบบ ค.10) ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่มี ภูมิลำเนา หรือ ณ สถานที่อื่นตามที่อธิบดีกำหนด เพื่อขอคืนเงินภาษีอากรที่ถูกหักไว้ได้ภายใน 3 ปี นับแต่วันสุดท้ายแห่ง กำหนดเวลายื่นรายการภาษีตามมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร กล่าวคือ นับแต่วันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดจากปีที่มีเงินได้ อนึ่ง หากนาง เอ ไม่สะดวกในการมาดำเนินการยื่นคำร้องฯ ด้วยตนเอง และ ประสงค์ให้บริษัทนายจ้างหรือเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ มาดำเนินการแทนก็ย่อมกระทำได้ โดยทำ หนังสือมอบอำนาจให้ไว้ก่อนเดินทางกลับประเทศอังกฤษ และให้บริษัท นายจ้างรับรองในใบมอบอำนาจ ว่าลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจดังกล่าวเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของ ผู้มอบอำนาจ ที่มา:หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/9812 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2544 |