Skip to Content

แหล่งเงินได้ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการขอลดหย่อนภาษีเงินได้ของนักวิจัยชาวญี่ปุ่น

เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการขอลดหย่อนภาษีเงินได้ของนักวิจัยชาวญี่ปุ่น


ข้อเท็จจริง

มหาวิทยาลัย ก. ได้ลงนามสัญญาความร่วมมือในการวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยฯ กับ บริษัท A

จากประเทศญี่ปุ่น เรื่อง "Termite Symbion Bio-recycle Project" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวิจัย

พัฒนา สร้างองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านการวิจัย เกี่ยวกับปลวก ระหว่างนักวิจัยของ

มหาวิทยาลัยฯ และนักวิจัยจาก บริษัท A โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 5 ปี ระหว่างปี 2542-2547

ในระหว่างการดำเนินงานของโครงการดังกล่าว บริษัท A ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาประจำในประเทศไทย

โดยตกลงรับผิดชอบค่าครองชีพและสวัสดิการ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานวิจัยทั้งหมด ดังนั้น เพื่อ

ให้การดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวสามารถดำเนินต่อไปได้ และเป็นการดำเนินงานเพื่อ

ประโยชน์ในด้านวิจัยทั้งของประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยฯ จึงขอหารือกรมสรรพากรใน

การพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมเกี่ยวกับการพิจารณาลดหย่อนการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับ

ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น ภายใต้โครงการดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษ


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 40, มาตรา 41 แห่งประมวลรัษฎากร, พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505ฯ

แนววินิจฉัย

1. กรณีนักวิจัยจาก บริษัท A คนใดมีเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่หรือกิจการที่ทำใน

ประเทศไทย ตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว นักวิจัยดังกล่าวมีหน้าที่ต้องเสียภาษี เงินได้

บุคคลธรรมดาในประเทศไทยตามมาตรา 41 วรรคแรก แห่งประมวลรัษฎากร อย่างไรก็ดี ตามข้อ 18

แห่งอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น ได้ กำหนดให้

ศาสตราจารย์ ครู และนักวิจัย ซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นที่เดินทางเข้ามาทำการสอน หรือวิจัยตาม คำ

เชิญของมหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียน หรือสถาบันการศึกษาอื่นอันเป็นที่รับรองแล้วในประเทศไทย

โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี นับแต่วันที่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อทำการสอนหรือวิจัยใน

สถาบันการศึกษาดังกล่าว ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินค่าตอบแทนการสอนหรือ

วิจัยนั้น ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505

ทั้งนี้ การสอนหรือการค้นคว้าวิจัยดังกล่าวจะต้องมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อผลประโยชน์แก่เอกชนคนเดียว

หรือหลายคนโดยเฉพาะ

ดังนั้น หากนักวิจัยจากประเทศญี่ปุ่นเดินทางเข้ามาทำการสอนหรือวิจัยตามคำเชิญของทาง

มหาวิทยาลัยฯ มีระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี เข้ามาปฏิบัติงานตามโครงการดังกล่าว มิได้เดินทางออกจาก

ประเทศไทยก่อนหรือเมื่อครบกำหนด 2 ปีแล้ว ย่อมมีผลทำให้ระยะเวลาการเข้ามาเยือนเกินกว่า 2 ปี

และทำให้นักวิจัยเหล่านั้นมิได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตั้งแต่แรกที่เข้ามาเยือน

ประเทศไทย

2. กรณีหากนักวิจัยชาวญี่ปุ่นดังกล่าวมิได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใน

ประเทศไทยตามข้อ 1 ข้างต้นแล้ว เงินได้หรือค่าตอบแทนจากการวิจัยดังกล่าวย่อมอยู่ในบังคับที่จะต้อง

เสียภาษีเงินได้ให้แก่ประเทศไทย ตามมาตรา 41 วรรคแรก แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ โดยถือว่า

นักวิจัยชาวญี่ปุ่นผู้นั้นมีเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศไทย ไม่ว่าเงินได้

นั้นจะจ่ายในหรือนอกประเทศก็ตามการที่จะลดหรือยกเว้นภาษีอากรให้แก่บุคคล คณะบุคคล หรือกิจการใด

นั้น จะต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกาลดหรือยกเว้นเป็นกรณีไป กรมสรรพากรจึงมิอาจพิจารณาลดหย่อน

หรือยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่นักวิจัยชาวญี่ปุ่นจากบริษัท A เป็นการเฉพาะราย เนื่องจากไม่มีกฎหมายใด

ให้อำนาจกรมสรรพากรกระทำเช่นนั้นได้




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/4153 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2545

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)