Skip to Content

เงินได้ ภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย กรณีเงินได้จากการขายบัตรเข้าชมการแสดงพร้อมอาหาร

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย กรณีเงินได้จากการขายบัตรเข้าชมการแสดงพร้อมอาหาร


ข้อเท็จจริง

บริษัท ก. จำกัด ประกอบกิจการท่องเที่ยว ให้บริการประกอบด้วยการแสดงโดยนักแสดงและ

สัตว์ การจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองและสินค้าที่ระลึก การจัดแสดงศิลปหัตถกรรม และการจำหน่ายอาหาร

และเครื่องดื่ม มีการจำหน่ายบัตรเข้าชมบริเวณทางเข้า 3 ประเภทได้แก่ บัตรชมการแสดงรวมอาหาร

บัตรชมการแสดง และบัตรอาหารลูกค้า บริษัทฯ ทัวร์ได้นำลูกทัวร์เข้าชมครั้งละหลาย ๆ คน และใช้

บัตรเครดิตชำระเป็นค่าบัตร บริษัทฯ หารือว่า

1. การประกอบกิจการดังกล่าว เมื่อบริษัทฯ ทัวร์จ่ายเงินให้กับบริษัทฯ มีหน้าที่ต้องหัก

ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย หรือไม่

2. กรณีบริษัทฯ ทัวร์ใช้บัตรเครดิตชำระให้บริษัทฯ เมื่อธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิต ส่ง

ใบแจ้งรายการนำเงินเข้าบัญชีธนาคารของบริษัทฯ บริษัทฯ ได้จ่ายค่าธรรมเนียมการใช้บัตรเครดิตให้กับ

ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิต และหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย กรณีดังกล่าว บริษัทฯ ต้องหักภาษีเงินได้ ณ

ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 3.0 หรือไม่ และออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายระบุวันที่ใดหากถือตาม

วันที่ในใบแจ้งรายการแล้วได้รับเอกสารล่าช้าจะสามารถนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายในเดือนถัดไปได้

หรือไม่


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 40(8), มาตรา 50 ทวิ

แนววินิจฉัย

1. เงินได้จากการให้บริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา

40(8) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ทัวร์ได้จ่ายค่าบริการให้กับบริษัทฯ ในส่วนของบัตรชมการแสดง

บัตรชมการแสดงรวมอาหารคิดเป็นการเหมา ซึ่งไม่ได้แบ่งแยกราคาออกจากกันอย่างชัดเจน ผู้จ่ายเงินมี

หน้าทีต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 3.0 กรณีบริษัทฯ ทัวร์ได้จ่ายค่าบริการให้บริษัทฯ ใน

ส่วนของบัตรอาหาร ผู้จ่ายเงินไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายเนื่องจากค่าบริการดังกล่าวเข้า

ลักษณะเป็นค่าบริการของภัตตาคาร ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้

พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน

พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544 ฯ ลงวันที่ 15 กันยายน

พ.ศ. 2544

2. ตามข้อ 2 แยกพิจารณาได้ดังนี้

(1) กรณีบริษัทฯ จ่ายค่าธรรมเนียมการใช้บัตรเครดิตให้กับธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิต

โดยเป็นการจ่ายผ่านระบบการหักเงินจากบัญชีธนาคารของผู้จ่ายเงิน ถือเป็นการจ่ายค่าบริการที่เป็น

เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย

ในอัตราร้อยละ 3.0 ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย

คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544 ฯ และบริษัทฯ มีหน้าที่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ

ที่จ่ายให้กับธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย

และมีหน้าที่ต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย อย่างไรก็ดี เนื่องจากบริษัทฯ มีรายการขายสินค้า

และให้บริการด้วยบัตรเครดิตทุกวัน ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และออก

หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ทันภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น เพื่อเป็นการลดภาระการ

ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายของบริษัทฯ จึงผ่อนผันให้บริษัทฯ ซึ่งมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ

ที่จ่าย ไม่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายค่าธรรมเนียมในทันทีทุกครั้งที่มีการ

หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยให้ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย 1 ครั้งต่อเดือน แต่บริษัทฯ ยังคงมี

หน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 50 ทวิ วรรคสาม แห่ง

ประมวลรัษฎากร และต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

(2) ในกรณีบริษัทฯ ผู้จ่ายค่าธรรมเนียมมีความประสงค์แต่งตั้งให้ธนาคารหรือบริษัท

บัตรเครดิตผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นตัวแทนเพื่อดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายออก

หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และลงลายมือชื่อในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายแทนผู้จ่ายเงิน

พร้อมทั้งยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และชำระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงิน ก็สามารถ

กระทำได้ โดยจะต้องจัดทำสัญญาการตั้งตัวแทนและมอบอำนาจให้กระทำการแทนเป็นลายลักษณ์อักษร

ทั้งนี้ ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตซึ่งเป็นตัวแทนจะต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายในนาม

ของบริษัทฯ และต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายในนามของบริษัทฯ หากธนาคารหรือบริษัท

บัตรเครดิตรายหนึ่งรายใดได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนเพื่อดำเนิน การหักภาษี ณ ที่จ่าย แทนบริษัทฯ หลาย

ๆ บริษัทฯ ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตจะต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นรายฉบับ

ทุกครั้งที่จ่ายเงินและต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายในนามของบริษัทฯ เป็นรายฉบับแต่ละราย

บริษัทฯ ด้วย

อย่างไรก็ดี เนื่องจากบริษัทฯ รับบัตรเครดิตของธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตหลายแห่ง จึง

ไม่อยู่ในวิสัยที่จะทำสัญญาการตั้งตัวแทนและมอบอำนาจให้กระทำการแทนเป็นลายลักษณ์อักษร และไม่อยู่

ในวิสัยจะออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ในนามของบริษัทฯ เป็นรายฉบับทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน

และไม่อยู่ในวิสัยจะยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ในนามของบริษัทฯ เป็นรายฉบับ จึงให้ธนาคาร

และบริษัทบัตรเครดิตดำเนินการดังนี้

(2.1) กรณีธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตได้มีหนังสือแจ้งไปยังบริษัทฯ ซึ่งเป็นสมาชิก

อยู่เดิมโดยมีสาระสำคัญว่า ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตจะเป็นผู้ดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่ายของ

ค่าธรรมเนียมบริษัทฯ รับบัตรเครดิตแทน ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายแทน และยื่นรายการ

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายแทน โดยกำหนดระยะเวลาให้บริษัทฯ ตอบรับ เมื่อบริษัทฯตอบรับแล้ว ถือว่า

หนังสือแจ้งเป็นข้อตกลงแต่งตั้งให้ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตเป็นตัวแทนแล้ว แต่หากเป็นบริษัทฯ ที่เป็น

สมาชิกใหม่จะต้องมีข้อกำหนดการแต่งตั้งตัวแทนอย่างชัดเจน

(2.2) กรณีธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับ

ค่าธรรมเนียมแทนบริษัทฯ แล้วผ่อนผันให้บริษัทฯ ไม่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับ

การจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตาม

มาตรา 50 ทวิ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งทำให้ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตไม่ต้องออก

หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นรายฉบับทุกครั้งที่จ่ายเงิน แต่ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตต้อง

จัดทำรายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซึ่งมีรายการตามเอกสารที่ชมรมธุรกิจบัตรเครดิต -

สมาคมธนาคารไทย ส่งไปประกอบการพิจารณาของกรมสรรพากร เพื่อเป็นหนังสือรับรองการหักภาษี ณ

ที่จ่าย แต่ธนาคาร หรือบริษัทบัตรเครดิตยังคงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่าย

เงินได้

(2.3) เพื่อเป็นการรับรองว่าธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตได้ดำเนินการหัก

ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แทนบริษัทฯ แล้ว ให้ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตระบุข้อความเพิ่มเติมใน

ใบกำกับภาษีของค่าธรรมเนียมมีสาระสำคัญว่า ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตได้ดำเนินการหักภาษีเงินได้

ณ ที่จ่ายของค่าธรรมเนียมในอัตรา 3% เป็นจำนวน …. บาท แทนบริษัทฯ แล้ว และจะดำเนินการนำส่ง

ภาษีดังกล่าวต่อกรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ซึ่งธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตจะต้องจัด

ให้มีการ SCAN หรือพิมพ์ลายมือชื่อผู้รับมอบอำนาจในใบกำกับภาษีดังกล่าวด้วย

(2.4) ให้ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามแบบ

ภ.ง.ด.53 โดยระบุในช่องผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายว่า ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตในฐานะผู้กระทำ

การแทนผู้จ่ายเงินในใบแนบ ภ.ง.ด.53 พร้อมทั้งแนบรายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายซึ่ง

ระบุชื่อผู้จ่ายเงิน เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้จ่าย จำนวนเงินที่จ่าย และจำนวนภาษีที่หัก และให้ถือว่า

เอกสารรายละเอียดดังกล่าวเป็นใบต่อแบบ ภ.ง.ด. 53 ด้วย ซึ่งอาจจัดทำเป็นภาษาไทยหรือภาษา

อังกฤษก็ได้ และให้ถือว่าเป็นบัญชีพิเศษแสดงการหักภาษี ณ ที่จ่ายและการนำส่งภาษี ตามมาตรา 17

แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 7 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้และภาษีการค้า (

ฉบับที่ 4) เรื่อง กำหนดให้ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้หรือภาษีการค้า ณ ที่จ่าย มีบัญชีพิเศษ ลงวันที่ 31

พฤษภาคม พ.ศ. 2531

(2.5) ให้ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตใช้สำเนาแบบ ภ.ง.ด.53 และหลักฐาน

ใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากรที่รับชำระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นหลักฐานในการเครดิตภาษีตาม

มาตรา 60 แห่งประมวลรัษฎากร




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0706/8042 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2547

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)