Skip to Content

เงินได้ที่ได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางเนื่องจากไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ

เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางเนื่องจากไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ


ข้อเท็จจริง

บริษัท ตะนาว ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายแห่งมลรัฐเดลาแวร์ ประเทศ

สหรัฐอเมริกา ประกอบกิจการ ขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ โดยมีสำนักงาน

สาขาในประเทศไทย ตั้งอยู่เลขที่ 130 –132 อาคารสินธรทาวเวอร์ 3 ชั้น 14 ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ

ได้ขอหารือเกี่ยวกับปัญหาภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่สำนักงานสาขาฯ จ่ายให้

แก่พนักงานเนื่องจากการไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ ข้อเท็จจริงสรุปได้ดังนี้

1. สำนักงานสาขาในประเทศไทยของบริษัทฯ ได้ว่าจ้างพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ซึ่งเป็น

ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย พนักงานต้อนรับเหล่านี้นอกจากจะได้รับเงินเดือนประจำแล้ว ยังได้รับ

ประโยชน์เพิ่มจากการจ้างแรงงานอย่างอื่น อาทิ เช่น ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ซึ่งสาขาฯ เป็นผู้จ่าย

พนักงานต้อนรับจะได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางในระหว่างการเดินทางเพื่อปฏิบัติหน้าที่บนเครื่องบินในอัตรา

เหมาจ่ายเป็นรายวัน เพื่อชดเชย ค่าอาหาร ในขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่างประเทศเป็นครั้งคราว เป็น

จำนวนเงินแตกต่างกันขึ้นอยู่กับเส้นทางการบิน ซึ่งจะอยู่ในระหว่าง 2,000 บาท ถึง 2,500 บาท ต่อ

วัน การจ่ายจะกระทำเป็นรายเดือนทุกวันที่ 10 ของเดือน

2. ปัจจุบันสาขาฯ ได้นำเอาค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางทั้งจำนวนมารวมเป็นเงินได้ของพนักงาน

เพื่อการคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 50(1) อย่างไรก็ดี สาขาได้รับ

คำแนะนำว่า วิธีการที่สาขาปฏิบัติอยู่ไม่ถูกต้อง สาขาฯ ควรนำค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางเฉพาะส่วนที่เกิน

1,750 บาท มารวมคำนวณเป็นเงินได้ของพนักงาน เพื่อหักภาษี ณ ที่จ่าย เนื่องจากการจ่ายเบี้ยเลี้ยง

เดินทางในอัตราที่กำหนด ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2526

ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(2) เฉพาะส่วนที่เกินอัตราดังกล่าวเท่านั้นที่จะ

ต้องเสีย

บริษัทฯ จึงขอหารือว่าวิธีการที่สำนักงานสาขาฯ ถือปฏิบัติในการคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามที่

แจ้งมาถูกต้องหรือไม่ ประการใด


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 42(1), คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.59/2528ฯ, มาตรา 50(1)

แนววินิจฉัย

กรณีที่สำนักงานสาขาฯ ได้จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางให้แก่พนักงานต้อนรับในระหว่าง

การเดินทางเพื่อปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่างประเทศเป็นครั้งคราวในอัตราระหว่าง 2,000 บาท ถึง 2,500

บาทต่อวัน ซึ่งเกินกว่าอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการในการเดินทาง

ไปราชการในต่างประเทศ ตามมาตรา 49 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ

พ.ศ. 2526 ประกอบกับข้อ 10 แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงเดินทาง

และค่าเช่าที่พักในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2534 และบัญชีหมายเลข 3 ท้ายระเบียบฯ ดังกล่าว

ประเภท ข. ซึ่งให้เบิกเหมาจ่ายกำหนดในอัตรา 1,750 บาทต่อวัน นั้น หากพนักงานที่ได้รับ

ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางจากสำนักงานสาขาฯ ในอัตราที่เกินกว่าอัตราดังกล่าวไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าได้

จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็น เฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดใน

การนั้น ให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงเฉพาะในส่วนที่ไม่เกินอัตรา 1,750 บาทต่อวัน เป็นค่า เบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคล

นั้นได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นฯ และได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสีย

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของพนักงานดังกล่าว ทั้งนี้ ตามมาตรา 42(1) แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ

1(3) แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.59/2538

สำหรับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางในส่วนที่เกินอัตรา 1,750 บาทต่อวัน นั้น สำนักงานสาขาฯ จะ

ต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้ของพนักงานเพื่อหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(1) แห่ง

ประมวลรัษฎากร ต่อไป




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/8543 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2544

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)