เงินได้ที่ได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการรับจ้างทำการวิจัย
เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการรับจ้างทำการวิจัยข้อเท็จจริงมูลนิธิฯ ได้รับการประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ในลำดับที่ 290 ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 44) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษาตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3(4)(ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ.2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ.2535 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 ต่อมามูลนิธิฯ ได้รับจ้างศูนย์ส่งเสริมฯ ซึ่งเป็นองค์การมหาชนเพื่อทำการวิจัย "โครงการจัดการความรู้และการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วมเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของเครือข่ายคุณธรรม" เป็นจำนวนเงิน 6,000,000 บาท ผู้ว่าจ้างได้จ่ายค่าจ้างแล้ว 2 งวด และได้หักภาษี ณ ที่จ่าย มูลนิธิฯ จึงขอทราบว่า เงินได้จากการรับทำการวิจัยดังกล่าว มูลนิธิฯ จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือไม่ และมูลนิธิหรือสมาคมที่ได้รับประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากเงินได้ทุกประเภทหรือไม่ กฎหมายที่เกี่ยวข้องมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากรแนววินิจฉัยกรณีมูลนิธิฯ ได้รับการประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ตามข้อเท็จจริงข้างต้น มูลนิธิฯ ไม่เข้าลักษณะเป็น "บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล" ตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร ไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังนั้น มูลนิธิฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และศูนย์ส่งเสริมฯ ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินให้แก่มูลนิธิฯ ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย แต่อย่างใด ที่มา:หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0706/6841 ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2549 |