เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินประกันการเช่าอาคาร
เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินประกันการเช่าอาคารข้อเท็จจริงสำนักงานสรรพากรภาคหารือปัญหาภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินประกันการเช่าอาคาร ราย นาย ม. สรุปข้อเท็จจริงได้ดังนี้ นาย ม. ได้ให้บริษัท A. เช่าอาคารระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2542 ถึง 31 ธันวาคม 2543 ตามหนังสือสัญญาเช่า และได้รับหนังสือทักท้วงจากสำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ เรื่อง การนำ เงินประกันการเช่ารวมเป็นส่วนหนึ่งของรายได้จากการเช่า ซึ่งจะต้องนำมาคำนวณภาษีด้วย นาย ม. เห็นว่า เงินประกันนี้มิได้เป็นส่วนหนึ่งของรายได้ เนื่องจากเงินประกันจำนวน ดังกล่าวนี้จะหักไว้เป็นค่าซ่อมแซมส่วนของอาคารที่ชำรุดเมื่อผู้เช่าก่อความเสียหายหรือเป็นค่าชดเชยค่า สาธารณูปโภคที่ผู้เช่าค้างชำระและถ้าไม่เกิดความเสียหายใด ๆ เงินจำนวนดังกล่าวก็จะคืนแก่ผู้เช่า ทั้งหมดเมื่อสิ้นสุดสัญญา กรณีที่เรียกเก็บเงินประกันการเช่าสูงกว่า 6 เท่าของค่าเช่านั้น นาย ม. ได้ชี้แจงเหตุผล ดังนี้ 1. ผู้ให้เช่าเป็นบุคคลธรรมดา มิได้เป็นนิติบุคคล มิได้ทำธุรกิจค้าขายใด ๆ และมิได้ใช้เป็น เงินทุนหมุนเวียนแต่ประการใด และวงเงินดังกล่าวน้อยมากและระยะเวลาก็สั้นเช่นกัน 2. เนื่องจากธุรกิจอินเตอร์เนทที่ให้บริการชาวต่างชาติมีการแข่งขันกันอย่างมากจากผู้ ให้บริการ 2-3 ราย มาเป็น 20 กว่าราย ทำให้ค่าบริการลดลงจาก 3.50 บาท/นาที เหลือเพียง 0.50 บาท/นาที อีกทั้งยังต้องลงทุนในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูง ทำให้ผู้ให้เช่าไม่สามารถเรียก ค่าเช่าที่สูงได้โดยเฉพาะในปีแรก ๆ ของการเช่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องมาตรา 40(5)แนววินิจฉัยเงินประกันการเช่าที่นาย ม. เรียกเก็บดังกล่าว ถือเป็นเงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สินตาม มาตรา 40(5)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร นาย ม. ต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษี ที่มา:หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/4697 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2545 |