Skip to Content

เงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินได้จากการเกษียณอายุก่อนกำหนด

เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินได้จากการเกษียณอายุก่อนกำหนด


ข้อเท็จจริง

นาย A และนาง B คู่สมรสได้ลาออกจากงานในปี พ.ศ. 2543 ตามโครงการสมัครใจ

เกษียณอายุก่อนกำหนดของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) บุคคลทั้งสองได้แยก

ยื่นแบบ ภ.ง.ด.91 ของปีภาษี พ.ศ. 2543 โดยแสดงเงินได้ดังนี้ นาย A มีเงินได้เงินเดือน

422,550 บาท โบนัสและเงินเพิ่มพิเศษ 165,655 บาท บำเหน็จ 1,173,750 บาท เงินชดเชย

281,700 บาท ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ 1,408,500 บาท ส่วนนาง B มีเงินได้จากเงินเดือน

365,910 บาท ค่าล่วงเวลา 5,678.44 บาท โบนัสและเงินเพิ่มพิเศษ 140,385 บาท บำเหน็จ

1,274,720 บาท เงินชดเชย 246,720 บาท ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ 1,233,600บาท ตามแบบ

ภ.ง.ด.91 ของบุคคลทั้งสอง ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีสำหรับเงินชดเชยจำนวน 300,000 บาท ตาม

กฎกระทรวง (ฉบับที่ 126) พ.ศ. 2509 ฯ เพราะเป็นโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดไม่ได้เขียน

ใบลาออกเอง ส่วนเงินบำเหน็จที่รับจากธนาคารฯ ได้นำไปกรอกในข้อ 1 ของใบแนบแบบ ภ.ง.ด.91

โดยไม่นำไปรวมกับเงินได้อื่นเมื่อคำนวณภาษี เพราะเห็นว่าเป็นเงินได้ที่คำนวณเช่นเดียวกับบำเหน็จ

ข้าราชการ

สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ เห็นว่า ไม่มีหน่วยงานใดใช้วิธีคำนวณบำเหน็จตามหลักเกณฑ์

และวิธีการเช่นเดียวกับการคำนวณบำเหน็จข้าราชการได้ทั้งหมด เงินบำเหน็จดังกล่าวจึงควรเป็นเงินได้

ที่มีวิธีการคำนวณแตกต่างจากบำเหน็จข้าราชการ สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ หารือว่า

1. กรณีลูกจ้างสมัครใจเข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดเช่นกรณีนี้เงินชดเชยจะได้รับสิทธิ

ยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้ 300,000 บาท ตามกฎกระทรวง (ฉบับที่ 126) พ.ศ. 2509 ฯ หรือไม่

2. กรณีเงินบำเหน็จที่บุคคลทั้งสองดังกล่าวได้รับ ถือว่าเป็นเงินได้ซึ่งมีวิธีคำนวณแตกต่างจาก

การคำนวณบำเหน็จข้าราชการหรือไม่ เพราะเหตุใด

สำนักงานสรรพากรภาค เห็นว่า การเกษียณอายุก่อนกำหนดถือว่าเป็นการสมัครใจลาออกจาก

งาน เงินชดเชยที่บุคคลทั้งสองได้รับจากการเกษียณอายุก่อนกำหนดจึงไม่ได้รับยกเว้น

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามข้อ 2(51) ของกฎกระทรวง (ฉบับที่ 126) พ.ศ. 2509 ฯ สำหรับ

เงินบำเหน็จที่บุคคลทั้งสองได้รับเป็นเงินได้ที่คำนวณตามหลักเกณฑ์และวิธีการเช่นเดียวกับการคำนวณ

บำเหน็จตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ตามข้อ 1(ก) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 45)ฯ ลงวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2535

สำนักงานสรรพากรภาค จึงขอให้กรมสรรพากรพิจารณาข้อหารือดังกล่าวแล้วแจ้งผลให้ทราบ


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 42(17), 48(5)

แนววินิจฉัย

1. กรณีนาย A และนาง B ได้มีหนังสือแสดงความประสงค์เกษียณอายุก่อนกำหนด ถือได้ว่า

เป็นการสมัครใจออกจากงาน ดังนั้น เงินที่บุคคลทั้งสองได้รับจากธนาคารฯ นายจ้างในกรณีดังกล่าว จึง

ไม่เข้าลักษณะเป็นค่าชดเชยที่พนักงานได้รับตามกฎหมายว่าด้วยพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ตามข้อ

2(51) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)ฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 217

(พ.ศ. 2542)ฯ จึงไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 42(17) แห่ง

ประมวลรัษฎากร

2. กรณีเงินบำเหน็จที่คำนวณแบบข้าราชการที่บุคคลทั้งสองได้รับจากธนาคารฯนายจ้าง

เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดใช้วิธีการคำนวณบำเหน็จตามหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณบำเหน็จตาม

กฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการได้ทั้งหมด และเงินบำเหน็จที่บุคคลทั้งสองได้รับก็มิได้ใช้วิธีการ

คำนวณบำเหน็จตามหลักเกณฑ์และวิธีการเช่นเดียวกับวิธีการคำนวณบำเหน็จตามกฎหมาย ว่าด้วยบำเหน็จ

บำนาญข้าราชการได้ทั้งหมดเช่นกัน ดังนั้น เงินบำเหน็จดังกล่าวจึงถือเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียว

เพราะเหตุออกจากงานที่มีวิธีการคำนวณแตกต่างไปจากวิธีการตามข้อ 1 (ก) จึงถือเป็น

เงินได้พึงประเมินตามข้อ 1(ง) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 45)ฯ

ลงวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2535 ซึ่งผู้มีเงินได้พึงประเมินดังกล่าวจะเลือกเสียภาษีแยกต่างหากจาก

เงินได้อื่นได้ตามมาตรา 48(5) แห่งประมวลรัษฎากร




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/7656 ลงวันที่ 02 สิงหาคม 2544

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)