Skip to Content

อื่นๆ ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิของธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบกิจการวิเทศธนกิจ

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิของธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบกิจการวิเทศธนกิจ


ข้อเท็จจริง

ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบกิจการ

วิเทศธนกิจ กรณีที่ดำเนินธุรกรรมที่เข้าข่าย "กิจการวิเทศธนกิจ" และธุรกรรมที่ไม่เข้าข่าย "กิจการ

วิเทศธนกิจ" มีประเด็นดังต่อไปนี้

1. วิธีการในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของ

ธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบกิจการวิเทศธนกิจมีวิธีการคำนวณอย่างไร

2. การคำนวณผลขาดทุนสุทธิยกมาไม่เกิน 5 ปีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปัจจุบัน มีวิธีการ

คำนวณอย่างไร

3. การยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการ

ยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 308) พ.ศ. 2540 ที่ยกเว้นภาษีเงินได้หากกิจการวิเทศธนกิจต้องการจำหน่าย

เงินกำไรหรือเงินประเภทอื่นใดที่กันไว้จากกำไรหรือที่ถือได้ว่าเป็นเงินกำไรที่ผู้ประกอบการวิเทศธนกิจ

จำหน่ายออกไปจากประเทศไทยตามมาตรา 70 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ เฉพาะที่ได้จากกิจการ

วิเทศธนกิจเพื่อการกู้ยืมในต่างประเทศ ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การประกอบกิจการ

วิเทศธนกิจของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2535 ดังนั้น กำไรที่ถือได้ว่าจำหน่าย

ออกไปและต้องเสียภาษีจึงเป็นกำไรที่ไม่รวมกำไรจากกิจการวิเทศธนกิจเพื่อการกู้ยืมในต่างประเทศ

และนำกำไรที่เหลืออยู่หลังจากหักผลขาดทุนของอีกธุรกรรมหนึ่งได้ ใช่หรือไม่


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 260) พ.ศ. 2535

แนววินิจฉัย

1. กรณีธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการวิเทศธนกิจจาก

ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ต้องแยกการคำนวณกำไรสุทธิระหว่างกิจการธนาคารปกติกับ

กิจการธนาคารที่เป็นวิเทศธนกิจ ตามข้อ 2 ของประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์

วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการวิเทศธนกิจของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.

2543 ประกอบกับข้อ 2 ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การประกอบกิจการวิเทศธนกิจของ

ธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2535

2. หลักกฎหมายตามประมวลรัษฎากรที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณกำไรสุทธิของธนาคารพาณิชย์ที่

ประกอบกิจการวิเทศธนกิจ สรุปได้ดังนี้

2.1 ธนาคารพาณิชย์มีหน้าที่ต้องคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา

65 และมาตรา 66 แห่งประมวลรัษฎากร และต้องเสียภาษีในอัตราที่ระบุไว้ในบัญชีอัตราภาษีเงินได้

2.2 ธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการวิเทศธนกิจมีสิทธิได้รับการ

ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ สำหรับการประกอบกิจการ "วิเทศธนกิจ"

ตามข้อ 1 ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การประกอบกิจการวิเทศธนกิจของธนาคารพาณิชย์

ลงวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2535 ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน

ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 260) พ.ศ. 2535 ประกอบกับ

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ฯ (ฉบับที่ 47) ลงวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2536

ดังนั้น กิจการใดของธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบกิจการวิเทศธนกิจที่ไม่อยู่ในคำนิยาม

ของ "กิจการวิเทศธนกิจ" ตามข้อ 1 ของประกาศกระทรวงการคลังฯ ก็จะไม่ได้รับการลดอัตราภาษี

เงินได้นิติบุคคล และต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามปกติ

2.3 ในกรณีธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบกิจการวิเทศธนกิจ ประกอบกิจการทั้งที่ได้รับการ

ลดอัตราภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิเหลือร้อยละ 10 และกิจการที่ต้องเสียภาษีจากกำไรสุทธิในอัตรา

ร้อยละ 30 ธนาคารฯ ต้องคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของแต่ละกิจการแยกต่างหากจากกัน และ

ห้ามมิให้นำผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีของกิจการหนึ่งไปหักออกจากกำไรสุทธิของอีกกิจการ

หนึ่ง ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 260) พ.ศ. 2535 ประกอบกับข้อ 1(3) ของ

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ฯ (ฉบับที่ 47) ลงวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2536

ประกอบกับ

3. กรณีการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น ธนาคารพาณิชย์ที่

ประกอบกิจการวิเทศธนกิจทั้งวิเทศธนกิจกรุงเทพ (BIBF) และวิเทศธนกิจต่างจังหวัด (PIBF) ต้องยื่น

แบบแสดงรายการตามอัตราภาษีเงินได้ กล่าวคือต้องยื่นแบบแสดงรายการ (ภ.ง.ด.50) สำหรับกิจการ

ที่ต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 10 หนึ่งฉบับ และสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีร้อยละ 30 อีกหนึ่งฉบับ

ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.62/2539 ฯ ลงวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2539

4. กรณีการยกเว้นภาษีสำหรับการจำหน่ายกำไรสำหรับกำไรที่ได้จากการประกอบกิจการ

วิเทศธนกิจเพื่อการให้กู้ยืมในต่างประเทศ (out-out) ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 308) พ.ศ.

2540 นั้น ต้องเป็นกำไรที่ได้จากธุรกรรม out-out เท่านั้น




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0706(กม.03)/224 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2546

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)