Skip to Content

สำรอง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการตั้งเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สูญ หรือหนี้สงสัยจะสูญ

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการตั้งเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สูญ หรือหนี้สงสัยจะสูญ


ข้อเท็จจริง

บริษัทฯ ขอทราบถึงปัญหาภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังมีข้อเท็จจริงและประเด็นปัญหาสรุปได้ดังนี้

1. ด้วยธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง สินทรัพย์ที่

ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้และสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ ลงวันที่ 30 มิถุนายน

2541 ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราขั้นต่ำให้ธนาคารพาณิชย์กันเงินสำรองสำหรับสินทรัพย์ที่ไม่มี

ราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ และสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ ดังนี้

ลูกหนี้ที่จัดชั้น อัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ

ลูกหนี้ปกติ 1

ลูกหนี้ที่กล่าวถึงพิเศษ 2

ลูกหนี้จัดชั้นต่ำกว่ามาตรฐาน 20

ลูกหนี้จัดชั้นสงสัย 50

ลูกหนี้จัดชั้นสงสัยจะสูญ 100

บริษัทฯ เข้าใจว่า ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ตั้งเงินสำรองสูงกว่าอัตราร้อยละขั้นต่ำที่

ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ธนาคารฯ มีสิทธินำเงินสำรองดังกล่าวทั้งจำนวนไปถือเป็นรายจ่ายใน

การคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ โดยไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (1) (ค) แห่ง

ประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17)พ.ศ.

2540 แต่อย่างใด

2. ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องสินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้และ

สินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2540 ซึ่งมีสาระสำคัญเป็น

การกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์กันเงินสำรอง สำหรับสินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้และสินทรัพย์ที่

สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้หลายอัตรา โดยมีลักษณะเป็นอัตราที่แน่นอนตายตัว เช่น ร้อยละ

หนึ่งร้อยหรือร้อยละสิบห้า เป็นต้น

บริษัทฯ เข้าใจว่า กรณีที่ธนาคารพาณิชย์กันเงินสำรองเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญสูงกว่า

อัตราร้อยละที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ธนาคารฯ ไม่มีสิทธินำเงินดังกล่าวเฉพาะส่วนที่สูงกว่า

อัตราร้อยละที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสีย

ภาษีเงินได้นิติบุคคล ทั้งนี้ เนื่องจากกรณีดังกล่าว ต้องห้าม ตามมาตรา 65 ตรี (1) (ค) แห่ง

ประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17)พ.ศ.

2540

3. บริษัทฯ ขอทราบว่า กรณีที่มีการตั้งเงินสำรองเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญลดลง

สำหรับส่วนที่ได้ถือเป็นรายจ่ายไปแล้วและในส่วนที่ไม่ได้นำไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ จะ

มีผลในทางภาษีอากรต่างกันหรือไม่ อย่างไร


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 65 ตรี, พระราชกำหนด (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2540 ฯ

แนววินิจฉัย

1. ตามมาตรา 65 ตรี (1) (ค) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย

พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2540 บัญญัติว่า"(ค) เงินสำรองที่

กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญสำหรับหนี้จากการ ให้สินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน

บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ได้กันไว้ ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ หรือ

กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์แล้วแต่กรณี ทั้งนี้

เฉพาะส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นจากเงินสำรองประเภทดังกล่าว ที่ปรากฏในงบดุลของรอบระยะเวลาบัญชีก่อน

....."ตามบทบัญญัติข้างต้นจะเห็นได้ว่าหากธนาคารฯ ได้กันเงินสำรองเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญไว้

ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ ก็จะมีสิทธินำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสีย

ภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ทั้งจำนวน

2. ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ตั้งเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ สูงกว่าอัตรา

ร้อยละขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 30

มิถุนายน 2541 นั้น ธนาคารฯ มีสิทธินำเงินสำรองดังกล่าวเฉพาะส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นจากเงินสำรองของ

รอบระยะเวลาบัญชีก่อน มาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิทั้งจำนวน โดยกรณีไม่ต้องห้ามตาม

มาตรา 65 ตรี (1) (ค)แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม

ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ.2540 แต่อย่างใด เนื่องจากธนาคารฯ ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตาม

ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์แล้ว

3. ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ตั้งเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ สูงกว่าอัตรา

ร้อยละที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 29

ธันวาคม 2540 นั้น ธนาคารฯ ไม่มีสิทธินำเงินสำรองส่วนที่สูงกว่าอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทย

ประกาศกำหนดไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิสำหรับรอบระยะเวลาที่สิ้นสุดในวันที่ 3 1

ธันวาคม 2540 เนื่องจากกรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งออก

โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์

4. ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ตั้งเงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ ลดลง

แยกพิจารณาได้ดังนี้ 4.1 กรณีธนาคารฯ ได้ตั้งเงินสำรองลดลง โดยธนาคารฯ ได้นำเงินสำรอง

ดังกล่าวไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไปแล้วนั้น ธนาคารฯ มีหน้าที่ต้องนำเงินสำรอง

ดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ตั้งเงินสำรองลดลงนั้น ตามมาตรา 65 ตรี

(1) (ค)แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับ

ที่ 17) พ.ศ. 2540 4.2 กรณีธนาคารฯ ได้ตั้งเงินสำรองลดลง โดยธนาคารฯ ไม่ได้นำเงินสำรอง

ดังกล่าวไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ธนาคารฯ ไม่มีหน้าที่ต้องนำเงินสำรองที่ตั้งลดลง

ดังกล่าว มารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ตั้งเงินสำรองลดลง ตามมาตรา 65 ตรี

(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับ

ที่ 17) พ.ศ. 2540 แต่อย่างใด




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/01746 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2542

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)