สถานประกอบการถาวร/กำไรธุรกิจ ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีจ้างนิติบุคคลต่างประเทศมาเพื่อฝึกอบรม
เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีจ้างนิติบุคคลต่างประเทศมาเพื่อฝึกอบรมข้อเท็จจริงกรมอาชีวศึกษาขอทราบเรื่องแนวปฏิบัติเกี่ยวกับภาษีเงินได้และหรือภาษีอื่นใดกรณี กรมอาชีวศึกษาจะว่าจ้างนิติบุคคลต่างประเทศ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมทางการฝึกอบรมทาง การศึกษาเพื่อฝึกอบรมภายในประเทศให้กับ ครู-อาจารย์ ของสถานศึกษาในสาขาวิชาอิเล็คทรอนิกส์ ไฟฟ้าเทคนิคการผลิต ปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมการต่อเรือระยะเวลาการฝึกอบรมระหว่าง 6-16 เดือนด้วยวิธีประกวดราคานานาชาติตามข้อกำหนดของแหล่งเงินกู้จากกองทุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โพ้นทะเลแห่งญี่ปุ่น (OECF) กฎหมายที่เกี่ยวข้องมาตรา 40, มาตรา 70 ทวิ, มาตรา 71(1), มาตรา 76 ทวิ, มาตรา 80, มาตรา 80/1(4), ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 28)แนววินิจฉัย1. ค่าตอบแทนจากการฝึกอบรมที่นิติบุคคลต่างประเทศได้รับจากรมอาชีวศึกษา ถือเป็น กำไรธุรกิจตามนัยข้อ 7 ของอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับแคนาดา และ ความตกลงเพื่อการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับออสเตรเลีย 2. กรณี Southern Alberta Institute of Technology (SAIT) สถาบันฝึกอบรม ของรัฐบาลประเทศแคนาดา ดำเนินการฝึกอบรม ณ วิทยาลัยเทคนิคระยองเป็นระยะเวลา 11 เดือน ถือว่า SAIT มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทยตามนัยข้อ 5 วรรค 3 (ข) ของอนุสัญญาเพื่อการ เว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับแคนาดา 3. กรณี International Training Australia Pty.Ltd. (ITA) และ Sydney Institure of Technology (SIT) สถาบันฝึกอบรมของประเทศออสเตรเลีย ดำเนินการฝึกอบรม ในประเทศไทยเป็นระยะเวลา 16 เดือน และ 12 เดือนตามลำดับ ถือว่า ITA และ SIT มี สถานประกอบการถาวรในประเทศไทยตามนัยข้อ 5 วรรค 2 (ฌ) ของความตกลงเพื่อการยกเว้น การเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับออสเตรเลีย 4. สถาบันทั้ง 3 แห่งดังกล่าวซึ่งเป็นนิติบุคคลของต่างประเทศมีลูกจ้างผู้ทำการแทนหรือ ผู้ทำการติดต่อในประเทศไทยซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับเงินได้ในประเทศไทย ถือว่านิติบุคคลนั้นประกอบกิจการ ในประเทศไทยและมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิตามนัยมาตรา 76 ทวิ แห่ง ประมวลรัษฎากรประกอบกับข้อ 7 วรรค 1 แห่งอนุสัญญาฯ ระหว่างไทยกับแคนาดา และความตกลงฯ ระหว่างไทยกับออสเตรเลีย โดยลูกจ้าง ผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อของนิติบุคคลนั้นเป็นผู้มีหน้าที่ และความรับผิดชอบในการยื่นรายการและเสียภาษีในประเทศไทย ในกรณีที่ไม่สามารถคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีได้ ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ของรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่ อย่างใดจะมากกว่า ตามนัยมาตรา 71 (1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยอนุโลม หากนิติบุคคลดังกล่าวจำหน่ายเงินกำไรออกจากประเทศไทย ต้องมีหน้าที่เสีย ภาษีเงินได้จากการจำหน่ายเงินกำไรในอัตราร้อยละ 10 ของกำไรที่จำหน่ายออกจากประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา 70 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร 5. ในกรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม สถาบันทั้ง 3 แห่งจะได้รับสิทธิเสียภาษีในอัตราร้อยละ 0 ใน การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการกับกระทรวง ทบวง กรม ราชการ ส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจตามโครงการเงินกู้ที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังเฉพาะ การกู้เงินจากรัฐบาลของต่างประเทศ หรือสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ตามนัยมาตรา 80/1 (4) แห่งประมวลรัษฎากร และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับ 28)ฯ ลงวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2535 6. ในกรณีผู้เชี่ยวชาญซึ่งเดินทางเข้ามาดำเนินการฝึกอบรมในประเทศไทย ได้เข้ามาอยู่ ในประเทศไทยไม่เกิน 183 วันในปีภาษีที่เกี่ยวข้อง และค่าตอบแทนหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากการ เข้ามาฝึกอบรมได้จ่ายโดยหรือในนามของนายจ้างในประเทศถิ่นที่อยู่ของตน และค่าตอบแทนหรือ ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากการเข้ามาฝึกอบรมในประเทศไทย ไม่ตกเป็นภาระแก่สถานประกอบการถาวร หรือฐานประกอบการประจำที่นายจ้างมีอยู่ในประเทศไทยผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวจะอยู่ในข่ายได้รับยกเว้น ภาษีตามข้อ 15 ของอนุสัญญาฯ ระหว่างไทยกับแคนาดา และความตกลงฯ ระหว่างไทยกับออสเตรเลีย แต่หากไม่เข้าเงื่อนไขที่จะได้รับยกเว้นภาษีครบทั้ง 3 กรณีตามนัยบทบัญญัติข้อ 15 ผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวจะ ต้องนำเงินได้หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเนื่องจากหน้าที่งานในประเทศไทย มายื่นแบบแสดงรายการและ เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย โดยยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90 หรือ 91 แล้วแต่ กรณีภายในเดือนมีนาคมของทุกปี 7. กรมอาชีวศึกษาซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้ตามมาตรา 40 ให้แก่นิติบุคคลใด จะต้องคำนวณหัก ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 ของจำนวนเงินที่จ่ายทั้งสิ้น และภาษีที่หักไว้นี้ให้ถือเป็นเครดิตใน การคำนวณภาษีเงินได้ของนิติบุคคลนั้นตามรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้ กรมอาชีวศึกษามีหน้าที่ต้องยื่น แบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.53 พร้อมทั้งนำส่งภาษีที่ได้คำนวณหักไว้ภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนที่จ่าย เงิน อนึ่ง สำหรับการจ่ายเงินที่เป็นเงินตราต่างประเทศ จะต้องคำนวณเป็นเงินตราไทยตาม อัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้เป็นอัตราแลกเปลี่ยน ในการคำนวณเงินตรา ต่างประเทศเป็นเงินตราไทยของวันถัดไป ที่มา:หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0813/08519 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2541 |