Skip to Content

ลดหย่อน/เงินได้ที่ได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีภาระภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว

เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีภาระภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว


ข้อเท็จจริง

บริษัทฯ ขอหารือปัญหา ดังนี้

1. การยกเว้นภาษีเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืน ตามกฎกระทรวงดังกล่าว

เงินได้หรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่ กองทุน

รวมหุ้นระยะยาว (LTF) จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้

เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ถือหน่วยลงทุนดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน แต่ไม่

รวมถึงกรณีผู้มีเงินได้ไถ่ถอนหน่วยลงทุนใน LTF เพราะทุพพลภาพหรือตาย และ

เงินหรือผลประโยชน์ต้องคำนวณจากเงินได้พึงประเมินที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงิน

ได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนใน LTF ที่ได้มีการจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็น

กองทุนรวมภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2550 ในอัตราไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้

พึงประเมินที่ได้รับในปีภาษีนั้น ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท หาก

ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ขายคืนหน่วยลงทุนในระหว่างที่ถือหน่วย

ลงทุนมายังไม่ครบระยะเวลา 5 ปี หรือปฏิบัติผิดเงื่อนไขอื่นใดตามที่กำหนดไว้ใน

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรดังกล่าว ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี

เงินได้และการคำนวณต้นทุนผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหน่วยลงทุน (Capital

Gain) เพื่อเสียภาษีในกรณีดังกล่าว ให้คำนวณโดยวิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO)

2. เนื่องจากลักษณะของการถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมที่จัดตั้งตาม

พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีความมุ่งหมายเพื่อ

การส่งเสริมการออม กรณีจึงต่างกับการเป็นหุ้นส่วนการถือหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร ตั๋ว

เงิน หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ซึ่งมีความมุ่งหมายในลักษณะของการลงทุน

ดังนั้น เงินได้ซึ่งเกิดจากการขายหน่วยลงทุน เฉพาะส่วนซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกิน

กว่าที่ลงทุน (Capital Gain) จึงถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่ง

ประมวลรัษฎากร ซึ่งจะต่างจากเงินส่วนต่างที่ได้รับจากการโอนหุ้น ซึ่งถือเป็นเงิน

ได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ช) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีความเห็นว่า เงิน

หรือผลประโยชน์ใด ๆ (Capital Gain) ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนแต่ละรายได้รับจากการขาย

คืนหน่วยลงทุนให้แก่บริษัทฯ ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่ง

ประมวลรัษฎากร

3. เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ (Capital Gain) ที่ผู้ถือหน่วยลงทุน แต่ละรายได้

รับจากการขายคืนหน่วยลงทุนให้แก่บริษัทฯ ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา

40(8) แห่งประมวลรัษฎากร ด้วยเหตุนี้ แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าผู้ถือหน่วยลงทุน

ปฏิบัติผิดเงื่อนไขการลงทุนใน LTF ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรดังกล่าว ทำ

ให้ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นผลให้ต้องนำเงินหรือ

ผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็ตาม

บริษัทฯ ก็ไม่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ในกรณีนี้

บริษัทฯ ขอหารือว่า ความเข้าใจของบริษัทฯ ถูกต้องหรือไม่


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

กฎกระทรวง ฉบับที่ 246 (พ.ศ. 2547)

แนววินิจฉัย

กรณีตาม 1. และ 2. ความเห็นของบริษัทฯ ถูกต้องแล้ว สำหรับกรณีตาม 3.

ตามข้อ 6 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 133) เรื่อง

กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้

เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ลงวันที่ 3 กันยายน

พ.ศ. 2547 กำหนดว่า กรณีผู้มีเงินได้ได้ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว

และได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้แล้ว และต่อมาได้ปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์

ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับดังกล่าวผู้มีเงินได้หมดสิทธิได้รับยกเว้นภาษี

เงินได้ แต่ไม่รวมถึงกรณีผู้มีเงินได้ไถ่ถอนหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว

เพราะทุพพลภาพหรือตาย ผู้มีเงินได้ต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับปีภาษีที่ได้นำเงิน

ค่าซื้อหน่วยลงทุนไปหักออกจากเงินได้เพื่อยกเว้นภาษีเงินได้มาแล้วที่อยู่ในช่วง

ระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้เพิ่มเติม

ของปีภาษีนั้น ๆ จนถึงวันที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

เพิ่มเติมเพื่อเสียภาษีเงินได้เพิ่มเติมของปีภาษีฉบับดังกล่าว พร้อมเงินเพิ่มตาม

มาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น หากผู้ถือหน่วยลงทุนไถ่ถอนหน่วยลงทุนโดย

ปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับดังกล่าว และ

กองทุนรวมได้จ่ายเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ (Capital Gain) ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน เงิน

หรือผลประโยชน์ใด ๆ จากการลงทุนดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตาม

มาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร และเป็นเงินได้ที่เกิดจากการกระทำใด ๆ อัน

อาจหาประโยชน์อันมีมูลค่า ซึ่งมิใช่การขายสินค้าอันเข้าลักษณะเป็นการให้บริการ

บริษัทฯ ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 3.0 ตามข้อ 12/1 ของคำสั่ง

กรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40

แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.

2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544ฯ ลงวันที่ 15

กันยายน พ.ศ. 2544




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0706/6414 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2548

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)