Skip to Content

รายได้/มูลค่าฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีหักกลบลบหนี้

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีหักกลบลบหนี้


ข้อเท็จจริง

บริษัทฯ ประกอบกิจการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ และรับจ้างซ่อมรถยนต์ มีรายได้และ

รายจ่ายจากการประกอบกิจการดังต่อไปนี้

1. บริษัทฯ มีรายได้ค่าบริการจาก บริษัท T ในปี 2540 ตามแบบ ภ.ง.ด.50 เป็น

จำนวนเงินรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 408,333,964.51 บาท แต่บริษัทฯ ยังไม่ได้รับชำระเงินค่าบริการ โดย

ตั้งเป็นลูกหนี้การค้า ราย T ทั้งนี้ บริษัทฯ ไม่ได้นำยอดค่าบริการดังกล่าวมายื่นแบบ ภ.พ.30 ในปี

2540 แต่อย่างใด ในขณะเดียวกันบริษัทฯ มีเจ้าหนี้เงินทดรองจ่ายจำนวน 954,606.63 บาท ค่าเช่า

รถผู้บริหารค้างจ่ายจำนวน 2,400,000 บาท และค่าภาษีมูลค่าเพิ่มค้างจ่ายจำนวน 305,454.56 บาท

รวมเป็นเจ้าหนี้เงินทดรองจ่ายและค่าใช้จ่ายค้างจ่ายจำนวน 3,660,061.19 บาท ซึ่งบริษัทฯ ยังไม่ได้

ชำระให้แก่ T และตั้งเป็นเจ้าหนี้ ราย T

2. บริษัทฯ ทำสัญญาบริการจัดจำหน่ายกับ C ซึ่งเป็นบริษัทจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศ

สิงคโปร์ บริษัทฯ มีรายจ่ายต้นทุนค่าบริการในการส่งพนักงานไปอบรมด้านการตลาดที่ประเทศสิงคโปร์

เป็นจำนวนเงินรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 282,656,573.69 บาท โดยบริษัทฯ ยังไม่ได้ชำระค่าบริการ

ดังกล่าว และตั้งเป็นเจ้าหนี้การค้า ราย C

3. ต่อมา T ได้ถูกฟ้องล้มละลาย บริษัท H ซึ่งเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์ในประเทศ

สหรัฐอเมริกาได้ให้ C ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบบริษัทในเครือภาคพื้นเอเซียแปซิฟิค และเป็นเจ้าหนี้ของ

บริษัทฯ ตาม 1.2 เข้ามารับโอนสิทธิเรียกร้องในการเรียกเก็บเงินค่าบริการจาก T โดยบริษัทฯ ได้ใช้

วิธีหักกลบลบหนี้ กล่าวคือ

4. บริษัทฯ นำเจ้าหนี้ T จำนวน 3,660,061.19 บาท มาหักออกจากลูกหนี้ T จำนวน

408,333,964.51 บาท คงเหลือลูกหนี้ T จำนวน 404,673,903.32 บาท

5. บริษัทฯ นำลูกหนี้ T ที่เหลือจากการหักกลบลบหนี้ จำนวน 404,673,90 3.32 บาท มา

หักกลบลบหนี้กับเจ้าหนี้ C จำนวน 282,656,573.69 บาท คงเหลือลูกหนี้ T จำนวน

122,017,329.63 บาท และ C ได้จ่ายเงินเพิ่มให้บริษัทฯ อีกเป็นจำนวน 107,694,300.74 บาท

ส่วนที่เหลืออีก 14,323,028.89 บาท บริษัทฯ ได้ปรับปรุงยอดดังกล่าวเป็นขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 40(3)

แนววินิจฉัย

1. กรณีบริษัทฯ นำยอดลูกหนี้ค่าบริการ T จำนวน 408,333,964.51 บาท มาหักกลบลบหนี้

กับยอดเจ้าหนี้เงินทดรองจ่ายและค่าใช้จ่ายค้างจ่าย T จำนวน 3,660,061.19 บาท ถือได้ว่าบริษัทฯ

ในฐานะเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ค่าบริการบางส่วนแล้วจากลูกหนี้ T เป็นเงิน 3,660,061.19 บาท บริษัทฯ

ต้องนำรายได้ค่าบริการดังกล่าวมาคำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และยื่นแบบ ภ.พ. 30 สำหรับเดือนภาษี

ที่มีการหักกลบลบหนี้นั้น ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ในฐานะลูกหนี้ได้ชำระคืนเงินทดรองจ่ายและค่าใช้จ่าย

ค้างจ่ายจำนวน 3,660,061.19 บาท ให้แก่เจ้าหนี้ T ครบถ้วนแล้ว และเนื่องจากเงินจำนวน

3,660,061.19 บาท ที่ชำระให้แก่เจ้าหนี้ T มีค่าเช่ารถรวมอยู่ด้วยเป็นเงิน 2,400,000 บาท ดังนั้น

เมื่อบริษัทฯ ได้ชำระค่าเช่ารถให้แก่ T บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามข้อ 6 ของ

คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 และยื่นรายการภาษีเงินได้

หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด.53 ตามข้อ 2(4) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้

(ฉบับที่ 16) เรื่อง กำหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525

2. กรณีบริษัทฯ นำลูกหนี้ T จำนวน 404,673,903.32 บาท มาหักกลบลบหนี้กับเจ้าหนี้ C

จำนวน 282,656,573.69 บาท ถือได้ว่าบริษัทฯ ได้ชำระหนี้ค่าบริการกรณีส่งพนักงานไปอบรมด้าน

การตลาดที่ประเทศสิงคโปร์ให้แก่ C แล้ว และโดยที่การอบรมดังกล่าวอยู่ภายใต้สัญญาบริการจัดจำหน่าย

ที่บริษัทฯ ได้ทำกับ C โดยสัญญาดังกล่าวได้ระบุข้อกำหนดและเงื่อนไขให้ C ให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทฯ

ในการปฏิบัติตามภาระผูกพันของบริษัทฯ ที่บริษัทฯ ต้องช่วยเหลือ T ตามสัญญาให้บริการผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ

รถยนต์ที่บริษัทฯ ได้ทำไว้กับ T ในด้านการตลาด การโฆษณา การขายสินค้า การซ่อมแซม และการ

บริการเกี่ยวกับสินค้าซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยานยนต์เฉพาะการจ่ายค่าบริการดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นค่าสิทธิซึ่ง

เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(3) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ จ่ายค่าบริการ

ดังกล่าวให้แก่ C ในประเทศสิงคโปร์ซึ่งไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย จึงมีหน้าที่หักภาษี

จากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 12 ของ

อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ เพื่อการเว้นการเก็บ

ภาษีซ้อนและป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาฯ

(ฉบับที่ 18)พ.ศ. 2505 และบริษัทฯ มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.พ.36 นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับค่าบริการ

ดังกล่าว ตามมาตรา 77/2 และมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0706/4000 ลงวันที่ 29 เมษายน 2546

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)