Skip to Content

รายได้ ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีเงินมัดจำ

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีเงินมัดจำ


ข้อเท็จจริง

บริษัทฯ ได้เรียกเก็บเงินมัดจำจากลูกค้าที่ซื้อสินค้าส่วนหนึ่ง และบริษัทฯ ได้ขายสินค้าให้ลูกค้า

ในปีถัดไป บริษัทฯ จะต้องนำเงินมัดจำดังกล่าวเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสีย

ภาษีเงินได้นิติบุคคลในปีที่เรียกเก็บตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.73/2541 เรื่อง การเสีย

ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการเรียกเก็บเงินจ่ายล่วงหน้า เงินประกัน เงินมัดจำหรือ

เงินจอง ลงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2541 ใช่หรือไม่

ตัวอย่าง ในปี 2543 บริษัทฯ เรียกเก็บเงินมัดจำ 30% จากลูกค้ายอดสั่งซื้อสินค้า 1 ล้าน

บาท ในทางบัญชี บัญชีเงินมัดจำเป็นบัญชีในงบดุล มิใช่งบกำไรขาดทุน บริษัทฯ บันทึกบัญชีรับเงินมัดจำ

1. บริษัทฯ ต้องนำเงินมัดจำ 300,000 บาท เป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในปี

2543 ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.73/2541 ฯ ใช่หรือไม่ 2. บริษัทฯ ต้องนำยอดขายเป็นรายได้

เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในปี 2544 ใช่หรือไม่


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 65, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528ฯ

แนววินิจฉัย

บริษัทฯ จะต้องรับรู้รายได้จากการขายสินค้าโดยใช้เกณฑ์สิทธิ ตามมาตรา 65 แห่ง

ประมวลรัษฎากร ประกอบกับคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528 เรื่อง การใช้เกณฑ์สิทธิใน

การคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2528

กล่าวคือ วันรับรู้รายได้จากการขายสินค้าเกิดขึ้นเมื่อบริษัทฯ ได้โอนความเสี่ยงและผลตอบแทน ที่เป็น

สาระสำคัญของความเป็นเจ้าของสินค้านั้นให้แก่ผู้ซื้อ คือ เมื่อบริษัทฯ ได้ส่งมอบสินค้าในปี 2544 ดังนั้น

จึงต้องนำยอดสั่งซื้อจำนวน 1,000,000 บาท มาคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2544




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/3490 ลงวันที่ 30 เมษายน 2545

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)