Skip to Content

รายจ่าย ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตให้พนักงาน

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตให้พนักงาน


ข้อเท็จจริง

บริษัทฯ ประกอบกิจการประกันชีวิต มีโครงการที่จะออกประกันชีวิตแบบใหม่โดยใช่ชื่อว่า

BUSINESS INSURANCE” โดยมีข้อเท็จจริงดังนี้

1. กรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นแบบรายสามัญหรือรายบุคคล ชนิดสะสมทรัพย์ซึ่งมีระยะเวลา

การชำระเบี้ยประกันและระยะเวลาการให้ความคุ้มครองของกรมธรรม์มีอายุเกิน 10 ปี ครบกำหนดอายุ

กรมธรรม์เมื่อผู้เอาประกันมีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ หรือเมื่อผู้เอาประกันมีอายุครบเกษียณตามที่บริษัท

ผู้เอาประกันกำหนดไว้ในระเบียบพนักงาน โดยถือเป็นสวัสดิการของพนักงาน

2. กรมธรรม์ชนิดนี้จะเสนอขายให้นายจ้างโดยนายจ้างเป็นผู้ถือกรมธรรม์ จ่ายเบี้ยประกัน

และเป็นผู้รับประโยชน์ทุกอย่างตามกรมธรรม์

3. เมื่อนายจ้างได้รับประโยชน์ทุกอย่างจากการทำประกันชีวิตดังกล่าวแล้วก็จะยก

ผลประโยชน์ให้พนักงานในกรณีที่พนักงานเกษียณอายุ หรือมอบให้ทายาทของพนักงานในกรณีที่พนักงาน

เสียชีวิต ซึ่งกรณีดังกล่าวจะระบุไว้อย่างชัดเจนในระเบียบพนักงาน

4. หากพนักงานลาออกก่อนกำหนดหรือก่อนเกษียณอายุ นายจ้างสามารถยกเลิกกรมธรรม์ได้

และจะได้รับเงินสดจากมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ พร้อมเงินปันผลหรือดอกเบี้ย นายจ้างไม่จำเป็นต้องยก

ประโยชน์ดังกล่าวให้พนักงาน หากอายุงานของผู้ที่ลาออกก่อนกำหนดยังไม่ครบตามระยะเวลาที่กำหนดไว้

ในระเบียบพนักงาน บริษัทฯ หารือว่า

4.1 ค่าเบี้ยประกันชีวิตที่นายจ้างจ่ายให้พนักงาน นายจ้างนำมาถือเป็นรายจ่ายใน

การคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้หรือไม่

4.2 พนักงานต้องนำค่าเบี้ยประกันชีวิตที่นายจ้างจ่ายให้มารวมคำนวณเป็นเงินได้เพื่อเสีย

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือไม่

4.3 ผลประโยชน์ที่นายจ้างได้รับตามกรมธรรม์และได้ส่งมอบให้พนักงาน จะถือเป็น

ค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือไม่ นอกจากนี้พนักงานที่ได้รับประโยชน์จะต้องนำ

ผลประโยชน์ดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือไม่


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 39, มาตรา 65 ตรี (3), มาตรา 65 ตรี (13)

แนววินิจฉัย

1. เงินค่าเบี้ยประกันชีวิตที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นนายจ้างจ่ายแทนพนักงาน

ทุกคนเป็นการทั่วไปตามระเบียบของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล นายจ้างมีสิทธินำเบี้ยประกันชีวิตที่จ่าย

แทนพนักงานมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตาม

มาตรา 65 ตรี (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร และเงินค่าเบี้ยประกันชีวิตที่นายจ้างจ่ายแทน

พนักงานถือเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงานเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) แห่ง

ประมวลรัษฎากร

2. ผลประโยชน์ที่นายจ้างได้รับตามกรมธรรม์นายจ้างจะต้องบันทึกบัญชีเป็นรายได้ เมื่อ

นายจ้างได้ส่งมอบผลประโยชน์ให้พนักงานตามระเบียบสวัสดิการถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจ้าง นายจ้าง

มีสิทธินำผลประโยชน์ที่ส่งมอบให้พนักงานมาถือเป็นรายจ่ายได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (3) และ

(13) แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ผลประโยชน์ที่พนักงานได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา

40(1) แห่งประมวลรัษฎากร พนักงานต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0706/9255 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2547

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)