Skip to Content

รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการใช้ทางภาระจำยอมโดยไม่มีค่าตอบแทน

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการใช้ทางภาระจำยอมโดยไม่มีค่าตอบแทน


ข้อเท็จจริง

บริษัทฯ หารือ กรณีการใช้ทางภาระจำยอมโดยไม่มีค่าตอบแทน ดังนี้

1. เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2550 บริษัทฯ ในฐานะผู้จะซื้อ ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินตามโฉนดเลขที่ 2044 2219 10123 และ 10124 ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ รวม 4 แปลง เพื่อใช้เป็นสำนักงานของบริษัทฯ กับบริษัท ก. ในฐานะผู้จะขาย และได้ทำการจดทะเบียนซื้อขายเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2550 ในราคา 177,750,000 บาท

2. บริษัท ก. ได้จดทะเบียนภาระจำยอมบนที่ดินให้แก่บริษัทฯ โดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่มีเงื่อนเวลาใดๆ เพื่อใช้เป็นทางเดิน ทางรถยนต์ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ทางระบายน้ำ และสาธารณูปโภคอื่นๆ ในการประกอบกิจการของบริษัทฯ ดังนี้

3. การซื้อขายที่ดินจำนวน 4 แปลง มีเนื้อที่รวมทั้งหมด 39 ไร่ 2 งาน หรือเท่ากับ 15,800 ตารางวา ในราคา 177,750,000 บาท คิดเป็นมูลค่าตารางวาละ 11,250 บาท เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของบริษัทฯ นั้น เป็นราคาที่ได้รวมสิทธิในการใช้ทางภาระจำยอมบนที่ดินแล้ว ตามสัญญาจะซื้อจะขายฉบับลงวันที่ 30 มีนาคม 2550 และบันทึกการประชุมลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2549 ซึ่งกำหนดให้บริษัท ก. จะต้องดำเนินการจดทะเบียนภาระจำยอมให้แก่บริษัทฯ โดยไม่มีค่าตอบแทนเพิ่มเติมและกำหนดเงื่อนไขใดๆ

4. บริษัทฯ ได้ตรวจสอบราคาซื้อขายที่ดินแปลงอื่นในบริเวณใกล้เคียงและอยู่ห่างจากที่ตั้งบริษัทฯ ประมาณ 200 เมตร คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 0000 เนื้อที่ 4 ไร่ 20 ตารางวา หรือเท่ากับ 1,620 ตารางวา ซึ่งได้จดทะเบียนซื้อขายเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2554 ในราคา 18,100,000 บาท คิดเป็นมูลค่าตารางวาละ 11,173 บาท เพื่อเปรียบเทียบหาราคาซื้อขายต่อตารางวากับที่ดินที่ซื้อจากบริษัท ก. ในปี 2550 ผลการคำนวณพบว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 0000 ถ้าทำการซื้อขายในปี 2550 จะมีมูลค่าตารางวาละ 9,742 บาท

5. เมื่อทำการเปรียบเทียบมูลค่าราคาซื้อขายต่อตารางวาของที่ดินโฉนดเลขที่ 0000 ที่คำนวณได้ดังกล่าวตาม (3) กับมูลค่าราคาซื้อขายที่ดินต่อตารางวาที่บริษัทฯ ซื้อจากบริษัท สุวรรณภูมิฯ จำนวน 4 แปลง (พื้นที่รวม 15,800 ตารางวา) ซึ่งคำนวณได้เป็นเงิน 11,250 บาท ต่อตารางวา กรณีจึงเห็นได้ว่าบริษัทฯ ซื้อที่ดินในราคาที่สูงกว่าราคาของที่ดินในบริเวณใกล้เคียงคิดเป็นเงิน 1,508 บาท ต่อตารางวา (11,250 - 9,742 บาท) และที่ดินทั้ง 4 แปลง ที่บริษัทฯ ซื้อจากบริษัท ก. ในปี 2550 ดังกล่าว บริษัทฯ ได้ซื้อในมูลค่าที่สูงกว่าราคาที่ดินข้างเคียงเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 23,826,400 บาท (15,800 ตารางวา x 1,508 บาท)

6. การซื้อขายที่ดินระหว่างบริษัทฯ กับบริษัท ก. ในราคา 177,750,000 บาท นั้น ราคาดังกล่าวได้รวมค่าใช้จ่ายในการได้สิทธิใช้ทางภาระจำยอมไว้แล้ว ซึ่งหากคำนวณมูลค่าราคาซื้อขายต่อตารางวาเฉพาะพื้นที่ส่วนที่เป็นภาระจำยอมจำนวน 1,389 ตารางวา จะมีมูลค่าเท่ากับ 15,626,250 บาท (1,389 ตารางวา x 11,250 บาท) เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าราคาซื้อขายต่อตารางวาของที่ดินโฉนดเลขที่ 0000 ซึ่งมีมูลค่าราคาซื้อขายต่อตารางวาเป็นเงิน 9,742 บาท จะมีมูลค่าเท่ากับ 13,531,638 บาท (1,389 ตารางวา x 9,742 บาท)

สรุปได้ว่า ที่ดินที่บริษัทฯ ซื้อจากบริษัท ก. ในปี 2550 ซึ่งมีมูลค่าราคา 177,750,000 บาท เป็นราคาที่ได้คิดคำนวณรวมค่าใช้จ่ายในการได้สิทธิใช้ทางภาระจำยอมแล้ว เห็นได้จากการเปรียบเทียบกับมูลค่าราคาซื้อขายที่ดินในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งจะเห็นว่าบริษัทฯ ซื้อที่ดินมูลค่าสูงกว่าราคาตลาดอยู่จำนวน 23,826,400 บาท แม้จะคำนวณหักราคาพื้นที่ที่เป็นทางภาระจำยอมด้วยราคาซื้อขายของที่ดินในบริเวณใกล้เคียง (คำนวณได้เท่ากับ 13,531,638 บาท ตาม (5)) บริษัทฯ ก็ยังซื้อที่ดินในราคาสูงกว่าที่ดินในบริเวณใกล้เคียงเป็นเงิน 10,474,762 บาท (23,826,400 - 13,531,638 บาท)

บริษัทฯ ขอทราบว่า

(1) ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทางเดินรถยนต์ ทางระบายน้ำและเสาไฟฟ้าบนที่ดินภาระจำยอม เข้าลักษณะเป็นค่าใช้จ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุนตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีสิทธิหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาได้หรือไม่อย่างไร

(2) กรณีบริษัทฯ ได้ก่อสร้างทางเดินรถยนต์ ทางระบายน้ำและเสาไฟฟ้าบนที่ดินภาระจำยอมอันเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ก. บริษัทฯ ต้องรับรู้รายได้สิทธิในการใช้ภาระจำยอมเป็นรายได้และนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือไม่

(3) บริษัทฯ มีสิทธินำภาษีซื้อค่าก่อสร้างทางเดินรถยนต์มาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 65 ตรี มาตรา 82/3 และมาตรา 82/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร

แนววินิจฉัย

1. รายจ่ายที่บริษัทฯ ได้จ่ายเป็นค่าก่อสร้างทางเดินรถยนต์ ทางระบายน้ำและเสาไฟฟ้าบนทางภาระจำยอมซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ก. โดยบริษัทฯ ได้สิทธิในการใช้เป็นทางเดิน ทางรถยนต์ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ทางระบายน้ำและสาธารณูปโภคอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการประกอบกิจการของบริษัทฯ โดยเฉพาะเกินกว่าหนึ่งรอบระยะเวลาบัญชี เข้าลักษณะเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุนต้องห้ามมิให้ถือเป็นรายจ่ายตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่งประมวลรัษฎากร แต่บริษัทฯ มีสิทธิหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาได้ไม่เกินร้อยละ 20 ของมูลค่าต้นทุน ตามมาตรา 4 (5) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527

2. กรณีบริษัทฯ ได้รับการจดทะเบียนภาระจำยอมบนที่ดินของบริษัท ก. โดยได้ก่อสร้างทางเดินรถยนต์ ทางระบายน้ำ และเสาไฟฟ้าบนที่ดินภาระจำยอมนั้น โดยกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของบริษัท ก. ตามข้อเท็จจริง หากบริษัทฯ พิสูจน์ได้ว่า การซื้อที่ดินดังกล่าวของบริษัทฯ ในราคา 177,750,000 บาท เป็นราคาที่ได้รวมมูลค่าของประโยชน์เพิ่มที่บริษัทฯ จะได้รับจากการได้ใช้สิทธิภาระจำยอมบนที่ดินของบริษัท ก. ซึ่งไม่ใช่ที่ดินแปลงที่มีการซื้อขายกันไว้แล้วในขณะที่ได้มีการซื้อขายที่ดิน การที่บริษัทฯ ได้สิทธิในการใช้ภาระจำยอมบนที่ดินดังกล่าวโดยไม่มีเงื่อนไขและไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนภายหลังที่ได้จดทะเบียนภาระจำยอม ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาระหว่างบริษัทฯ ผู้ซื้อกับบริษัท ก. ผู้ขาย บริษัทฯ จึงไม่ต้องรับรู้รายได้จากการได้ใช้ประโยชน์ในทางภาระจำยอมแต่อย่างใด

3. กรณีภาษีซื้อจากการก่อสร้างทางเดินรถยนต์ เนื่องจากที่ดินที่ซื้อขายทั้ง 4 แปลงอยู่ลึกประมาณ 860 เมตร และไม่มีทางออกสู่ถนน หากบริษัทฯ ได้ทำการก่อสร้างทางเดินรถยนต์บนทางภาระจำยอมดังกล่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การประกอบกิจการของบริษัทฯ โดยเฉพาะ ย่อมไม่เข้าลักษณะเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 (3) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีสิทธินำภาษีซื้อจากการก่อสร้างทางเดินรถยนต์มาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ 0702/10135 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)