Skip to Content

ราคาตลาด ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีธุรกิจเฉพาะกรณีการคิดดอกเบี้ยเกินบัญชีวิธีพิเศษ

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีธุรกิจเฉพาะกรณีการคิดดอกเบี้ยเกินบัญชีวิธีพิเศษ


ข้อเท็จจริง

ธนาคารฯ ประกอบกิจการเป็นสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ซึ่งมีการให้กู้ยืมเงิน

แก่ลูกค้าประเภทต่าง ๆ รวมทั้งการให้กู้เบิกเงินเกินบัญชี ธนาคารฯ จะคิดดอกเบี้ยจากยอด

เบิกเงินเกินบัญชีตามอัตราดอกเบี้ยปกติกับลูกค้าทุกประเภท เนื่องจากธนาคารฯ มีความประสงค์จะเพิ่ม

ปริมาณลูกค้าเพื่อตอบสนองกับภาวะการแข่งขันในธุรกิจธนาคารพาณิชย์จึงมีความประสงค์ที่จะกำหนดวิธี

จัดเก็บดอกเบี้ยสำหรับการกู้เบิกเงินเกินบัญชี (OD) สำหรับลูกค้าที่เป็นกลุ่มบริษัท เช่น กลุ่ม

บริษัทในเครือเป็นระบบวิธีพิเศษแตกต่างจากลูกค้าธรรมดาอื่นโดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. กลุ่มบริษัทลูกค้าที่มีบริษัทในเครือที่ประสงค์จะขอใช้วิธีการคิดดอกเบี้ยแบบพิเศษจะต้อง

แจ้งความจำนงการเข้าร่วมพูล (Pool) โดยจะต้องเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับธนาคารทั้งกลุ่ม

การกู้เงินในระบบพูล (Pool) นี้ ธนาคารฯ จะไม่เชื่อมโยงการโอนเงินอัตโนมัติจากบัญชีสะสมทรัพย์

(Saving Account) ไปยังกระแสรายวัน (Current Account) ลูกค้าแต่ละรายจะต้องทำรายการ

โอนเงินจากบัญชีสะสมทรัพย์ไปยังบัญชีกระแสรายวันเองไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินเพื่อชำระเงินตามเช็คที่

ตนสั่งจ่ายหรือเพื่อลดยอดเงินกู้เบิกเกินบัญชีคงเหลือ การคำนวณยอดหนี้กู้เบิกเกินบัญชีเพื่อการคิดดอกเบี้ย

ธนาคารฯ จะทำการหักลบยอดเงินคงเหลือในบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของบริษัทในพูล (Pool) กับ

ยอดกู้เบิกเงินเกินบัญชีของพูล (Pool) ดังนี้

(1) หากยอดเงินฝากคงเหลือรวมของพูล (Pool) มีมากกว่ายอดเงินกู้เบิกเกินบัญชี

ของพูล (Pool) ก็จะไม่มีการคิดดอกเบี้ยจากลูกค้า แม้ว่าบริษัทบางแห่งที่ร่วมในพูล (Pool) จะมียอด

เบิกเงินเกินบัญชีก็ตามและธนาคารฯ จะไม่จ่ายดอกเบี้ยให้แก่ส่วนของยอดเงินฝากคงเหลือในพูล

(Pool) ที่มากกว่ายอดเบิกเงินเกินบัญชี(เว้นแต่ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยแก้ไขระเบียบว่าด้วย

การจ่ายดอกเบี้ยแก่บัญชีกระแสรายวันในภายหลังแต่ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีการคิดดอกเบี้ยให้)

(2) ถ้ายอดเงินกู้เบิกเกินบัญชีของพูล (Pool) มีมากกว่ายอดเงินฝากคงเหลือ

ธนาคารฯ ก็จะคิดดอกเบี้ยจากส่วนเกินนี้โดยเฉลี่ยกระจายตามสัดส่วนยอดเบิกเกินบัญชีของแต่ละบริษัทใน

กลุ่มที่มียอดเงินกู้เบิกเกินบัญชี

2. ระบบการคิดดอกเบี้ยวิธีนี้เป็นการพิจารณากลุ่มบริษัททั้งหลาย (Pool) เสมือนว่าเป็น

ลูกค้ารายเดียวกัน การคิดดอกเบี้ยจะทำให้

(1) ช่วยลดต้นทุนธุรกิจจากดอกเบี้ยการกู้เงินเกินบัญชีของลูกค้ากลุ่มบริษัทและเป็น

การเสริมสภาพคล่องในทางธุรกิจในภาวะที่ธุรกิจซบเซาเช่นปัจจุบัน

(2) ส่วนธนาคารฯ จะได้ประโยชน์ในการสนองความต้องการของลูกค้าในเรื่อง

ดอกเบี้ยและเพิ่มปริมาณลูกค้าโดยการหมุนเวียนของกระแสเงินฝากถอนการคงเงินฝากของลูกค้าใน

บัญชีกระแสรายวันซึ่งธนาคารฯไม่มีภาระดอกเบี้ยต้องจ่ายแต่อย่างใดและ

(3) การให้บริการในรูปแบบดังกล่าวเป็นการเสนอบริการ Cash Management

(การบริหารเงินสด)ของลูกค้าซึ่งเป็นที่ต้องการของกลุ่มบริษัทใหญ่หรือบริษัทข้ามชาติอันเป็นส่วนหนึ่งของ

การเปิดเสรีทางการเงินซึ่งประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาคนี้ด้วย

ธนาคารฯ จึงหารือว่าวิธีคิดดอกเบี้ยจากยอดเงินกู้เบิกเกินบัญชีสุทธิหลังจากหักยอดเงิน

ฝากคงเหลือรวมของพูล (Pool) ตามวิธีดังกล่าวข้างต้นของธนาคารฯ เป็นวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ตาม

ประมวลรัษฎากรในการเรียกเก็บดอกเบี้ย ทั้งนี้วิธีการคิดดอกเบี้ยดังกล่าวธนาคารฯ ได้รับความเห็นชอบ

จากธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ดังนั้น ในการคำนวณรายรับของธนาคารเพื่อการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ

และภาษีเงินได้นิติบุคคล จะคิดจากยอดดอกเบี้ยรับจริงดังกล่าวเท่านั้นถูกต้องหรือไม่


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 65 ทวิ (4), มาตรา 91/16(6)

แนววินิจฉัย

กรณีการคิดดอกเบี้ยจากยอดเงินกู้เบิกเกินบัญชีสุทธิหลังจากหักยอดเงินฝากคงเหลือรวม

ของพูล (Pool) ดังกล่าวข้างต้น ยังไม่ถือว่ามีเหตุอันสมควรตามมาตรา 65 ทวิ (4) และมาตรา

91/16(6) แห่งประมวลรัษฎากร เจ้าพนักงานจึงมีสิทธิประเมินดอกเบี้ยเงินกู้เบิกเกินบัญชีเพิ่มขึ้นตาม

ยอดเงินกู้เบิกเกินบัญชีก่อนหักยอดเงินฝากคงเหลือรวมของพูล (Pool) เพื่อให้นำไปเสีย

ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีธุรกิจเฉพาะเพิ่มเติมได้




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/12881 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2542

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)