Skip to Content

ราคาตลาด ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการรับโอนหนี้เงินกู้และตั๋วสัญญาใช้เงิน

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการรับโอนหนี้เงินกู้และตั๋วสัญญาใช้เงิน


ข้อเท็จจริง

บริษัทเงินทุน ธ. ได้หารือว่า เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2543 บริษัทฯ ได้รับโอนสิทธิเรียกร้อง

ในหนี้เงินกู้จากบริษัทเงินทุน ท. ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ ราย บริษัท ส. จำนวน 48,800,000 บาท

บริษัทฯ จ่ายค่าตอบแทนการโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินกู้เป็นเงินจำนวน 19,900,000 บาท บริษัทฯ

ได้นำส่วนต่างระหว่างราคามูลหนี้กับราคาซื้อหนี้สุทธิรวมทั้งผลประโยชน์และค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้รับหรือ

พึงได้รับมารวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับการโอนหนี้

แล้ว ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2544 บริษัทฯ ขายหนี้เงินกู้ราย

ดังกล่าวให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ อ. ในราคา 15,992,000 บาท บริษัทฯ จึงหารือว่าความเห็นของ

บริษัทฯ ดังต่อไปนี้ ถูกต้องหรือไม่


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 65, มาตรา 65 ทวิ (4)

แนววินิจฉัย

1. กรณีบริษัทเงินทุน ท. ได้โอนขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินกู้ที่มีอยู่กับบริษัท ส. ลูกหนี้ ให้

แก่บริษัทฯ โดยได้รับค่าตอบแทนต่ำกว่าจำนวนมูลหนี้เงินกู้ที่โอนให้แก่บริษัทฯ บริษัทฯผู้รับโอน

สิทธิเรียกร้องในหนี้เงินกู้ต้องนำส่วนต่างระหว่างราคามูลหนี้ (ยอดลูกหนี้คงค้าง) กับราคาซื้อสุทธิมารวม

คำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ตามสัดส่วน

ของหนี้ที่ถึงกำหนดชำระในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี

2. กรณีบริษัทฯ ได้โอนขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินกู้ที่ได้รับซื้อมาตาม 1. ให้แก่บริษัทอื่นใน

ราคาที่สูงหรือต่ำกว่าราคาที่รับซื้อมา หากการโอนขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินกู้ดังกล่าวมีค่าตอบแทน

ต่ำกว่าราคาตลาด เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินค่าตอบแทนตามราคาตลาดได้ตามมาตรา 65

ทวิ (4) แห่งประมวลรัษฎากร และในกรณีที่บริษัทฯ ให้ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเป็นผู้ประเมินราคา

ค่าตอบแทนจากการโอนขายสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินกู้นั้น ค่าตอบแทนดังกล่าวยังไม่อาจทราบได้ว่าเป็น

ราคาตลาดหรือไม่




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0706(กม.08)/313 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2546

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)