ยื่นแบบกลางปี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีราษฎรได้รับความเดือดร้อนในการเรียกเก็บภาษีจากชาวสวนยาง
เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีราษฎรได้รับความเดือดร้อนในการเรียกเก็บภาษีจากชาวสวนยางข้อเท็จจริงกรณีชาวสวนยางได้ร้องเรียนและขอให้ช่วยชี้แจงเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากการทำสวนยาง ดังต่อไปนี้ 1. การเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีมาตรฐานอย่างไร ในการเก็บคิดจากอะไร 2. ชาวสวนต้องเสียภาษีเช่นนี้ทุกคนหรือไม่ ชาวสวนทุเรียนผลไม้ต่าง ๆ ต้องเสียหรือไม่ 3. ถ้าราคายางตกลง ยังต้องเสียภาษีหรือไม่ 4. ภาษีที่ดินที่เสียอยู่ทุกปี เป็นภาษีประเภทเดียวกันหรือไม่ 5. ถ้าไม่สบายตัดยางไม่ได้ ไม่มีเงินเสียภาษี จะถูกจับหรือไม่ 6. ถ้าฝนตกมาก ๆ เดือนไหน ตัดยางไม่ได้จะทำอย่างไร 7. มีลูกสองคนยังเรียนอยู่ มีพ่อแม่ที่แก่แล้วต้องเลี้ยง ซื้อรถเครื่องต้องผ่อนอีกหลายเดือน ยังไม่มีเงินไปเสียภาษี จะถูกจับหรือไม่ 8. ทำไมเมื่อก่อนไม่เรียกเก็บภาษี ตอนราคายางตก 9. ยางหลายปีแล้ว จะถึงหน้าหยุดยางแล้ว ตั้งใจจะโค่นเสีย แล้วขายไม้ยางไปทำสวนผลไม้ หรือทำไร่ ปลูกพริก ปลูกข้าวโพด จะต้องเสียภาษีอีกหรือไม่ กฎหมายที่เกี่ยวข้องมาตรา 56แนววินิจฉัย1. กรณีตาม ข้อ 1. ข้อ 3. ข้อ 5. ข้อ 6. ข้อ 7. และข้อ 8. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้บุคคลทุกคนมีหน้าที่ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน ที่ตนได้รับในระหว่างปีภาษี โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี ถ้าบุคคลนั้น (1) ไม่มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกิน 30,000 บาท (2) มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกิน 60,000 บาท ดังนั้น กรณีชาวสวนยางหากในปีภาษีใดมีเงินได้พึงประเมินตามเกณฑ์ดังกล่าว ก็มีหน้าที่ ต้องยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป ตามที่กำหนดในมาตรา 56 แห่ง ประมวลรัษฎากร และมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการโดยแสดงรายการเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่เดือน มกราคมถึงเดือนมิถุนายนเพื่อชำระภาษี (ครึ่งปี) ภายในเดือนกันยายนทุกปีภาษี ตามมาตรา 56 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งภาษีที่ชำระ (ครึ่งปี) ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีที่ต้องชำระในเดือน มีนาคม ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากรดังกล่าว โดยในการคำนวณภาษีให้นำเงินได้พึงประเมินหัก ด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน คงเหลือเท่าใดเป็นเงินได้สุทธินำไปคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา และสำหรับผู้มีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ 60,000 บาทขึ้นไป ต้องคำนวณภาษีจากการนำ เงินได้พึงประเมินคูณด้วยร้อยละ 0.5 ได้ภาษีจำนวนเท่าใด ให้นำไปเปรียบเทียบกับภาษีที่คำนวณได้ตาม วิธีแรก โดยให้เสียภาษีเงินได้จากจำนวนเงินภาษีที่มากกว่า กรณีบุคคลใดมีหน้าที่ต้องเสียภาษีแต่มิได้เสียภาษีภายในกำหนดเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ต้อง รับผิดเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องเสียตามมาตรา 27 แห่ง ประมวลรัษฎากร และหากเจ้าพนักงานประเมินตรวจพบความผิดโดยการออกหมายเรียกตรวจสอบก็ต้อง รับผิดเสียเบี้ยปรับตามมาตรา 22 หรือมาตรา 26 แห่งประมวลรัษฎากร แล้วแต่กรณี 2. กรณีตามข้อ 2 และข้อ 9 เงินได้ของชาวสวนที่ได้รับจากการขายยาง หรือการขายต้น ยาง รวมทั้งเงินได้จากการทำสวน ทำไร่ ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่ง ประมวลรัษฎากร ผู้มีเงินได้ดังกล่าวมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามเกณฑ์ในข้อ 1 3. กรณีตามข้อ 4 ภาษีที่ดินเป็นภาษีที่จัดเก็บตามพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นเป็นผู้จัดเก็บเพื่อใช้ประโยชน์ในท้องถิ่นนั้น ๆ สำหรับภาษีเงินได้ เป็นการ จัดเก็บตามประมวลรัษฎากร ที่กรมสรรพากรจัดเก็บเพื่อนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน การจัดเก็บภาษี ทั้งสองประเภทจึงแตกต่างกัน ที่มา:หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0706/9422 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2547 |