ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีรายได้ส่วนแบ่งของกำไรจากกองทุนรวมในระหว่างชำระบัญชี
เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีรายได้ส่วนแบ่งของกำไรจากกองทุนรวมในระหว่างชำระบัญชีข้อเท็จจริง1.รายได้ส่วนแบ่งของกำไรจากกองทุนรวมในระหว่างชำระบัญชี บริษัทฯ ประกอบธุรกิจประเภทค้าและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 บริษัทฯ มีเงินลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ท.(กองทุนรวมฯ) ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บ. จำกัด (บริษัทจัดการฯ) เป็นบริษัทจัดการของกองทุนรวมฯ บริษัทจัดการฯ ได้จัดการประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมฯ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2560 และที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนได้ลงมติอนุมัติการแปลงสภาพกองทุนรวมฯ เป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ท. (กองทรัสต์ฯ) 2.เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2560 บริษัทจัดการฯ ได้มีหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งวันปิดสมุดทะเบียนเป็นวันที่ 20 ธันวาคม 2560 เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุนในการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมฯ กับหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ฯ ดังนี้ 2.1อัตราการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน คือ 1 หน่วยลงทุนของกองทุนรวมฯ ต่อ 0.9874 หน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ฯ 2.2สิทธิในการได้รับเงินสดในอัตรา 1.6977 บาท ต่อ 1 หน่วยลงทุนของกองทุนรวมฯ กำหนดจ่ายวันที่ 3 มกราคม 2561 โดยบริษัทจัดการฯ แยกรูปแบบของเงินจำนวนดังกล่าวออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ (1)เงินปันผลในอัตราหน่วยละ 0.9918141841 บาท ซึ่งพิจารณาจากกำไรสะสมคงเหลือ ณ ขณะนั้น ซึ่งเงินปันผลดังกล่าวมีความหมายเดียวกับเงินส่วนแบ่งของกำไร ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 263) พ.ศ. 2536 (2)เงินเฉลี่ยคืนทุนในอัตราหน่วยละ 0.7058858159 บาท ซึ่งพิจารณาจากส่วนคงเหลือหลังจากหักส่วนของเงินปันผลแล้ว 3.เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2560 บริษัทจัดการฯ ได้มีหนังสือถึง ตลท. แจ้งว่า กองทุนรวมฯ ได้แปลงสภาพเป็นกองทรัสต์ฯ และโอนทรัพย์สินและภาระของกองทุนรวมฯ ให้แก่กองทรัสต์ฯ เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2560 บริษัทจัดการฯ จึงขอแจ้งเลิกกองทุนรวมฯ ในวันที่ 21 ธันวาคม 2560 และเข้าสู่กระบวนการชำระบัญชี 4.บริษัทฯ ได้รับเงินสดจากกองทุนรวมฯ ตามหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 3 มกราคม 2561 จำนวนทั้งสิ้น 149,484,114.19 บาท ประกอบไปด้วย เงินเฉลี่ยคืนทุนจำนวน 59,591,526.46 บาท และเงินส่วนแบ่งกำไรจำนวน 89,892,587.73 บาท 5.เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2561 บริษัทฯ ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า กองทุนรวมฯ อยู่ในสถานะยกเลิกกองทุนตามระบบเผยแพร่ข้อมูลหนังสือชี้ชวนและรายงานกองทุนรวม (MRAP) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน กลต.) แต่ยังคงมีสถานะเป็นกองทุนและอยู่ระหว่างการชำระบัญชี โดยการชำระบัญชียังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากมีข้อพิพาทที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล และสำนักงาน กลต. ได้ผ่อนผันระยะเวลาการชำระบัญชีของกองทุนรวมฯ บริษัทฯ ขอหารือว่า เงินส่วนแบ่งของกำไรที่จ่ายจากกำไรสะสมของกองทุนรวมฯ ที่บริษัทฯ ได้รับตาม 2.2 (1) ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือไม่ กฎหมายที่เกี่ยวข้องพระราชกฤษฎีกา 263แนววินิจฉัยหากพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 อนุญาตให้กองทุนรวมที่อยู่ระหว่างการชำระบัญชี จ่ายส่วนแบ่งกำไรจากกำไรสะสมของกองทุนรวมได้ เงินส่วนแบ่งกำไรที่บริษัทฯ ได้รับตามข้อเท็จจริงข้างต้น ถือเป็นเงินส่วนแบ่งกำไรจากกองทุนรวมฯ ฉะนั้น หากบริษัทฯ ถือหน่วยลงทุนที่ก่อให้เกิดเงินส่วนแบ่งของกำไรนั้นไม่น้อยกว่าสามเดือนนับแต่วันที่ได้หน่วยลงทุนนั้นมาถึงวันมีเงินได้ดังกล่าว แม้ต่อมากองทุนรวมฯ ได้แจ้งเลิกกองทุนไปก่อนสามเดือนนับแต่วันที่มีเงินได้ กรณีมิใช่การโอนหน่วยลงทุนนั้นไปก่อนสามเดือนนับแต่วันที่มีเงินได้ ประกอบกับในขณะที่มีการจ่ายเงินส่วนแบ่งกำไรของกองทุนรวมฯ ก็ยังอยู่ระหว่างการชำระบัญชีของกองทุนรวมฯ เนื่องจากสำนักงาน กลต. ได้ผ่อนผันระยะเวลาการชำระบัญชีให้แก่กองทุนรวมฯ ดังนั้น บริษัทฯ ย่อมได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากเงินส่วนแบ่งกำไรดังกล่าว ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 263) พ.ศ. 2536 ที่มา:หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ 0702/4345 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2562 |