Skip to Content

ภาษีซื้อต้องห้าม ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีภาษีซื้อที่เกิดจากการก่อสร้างอาคาร

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีภาษีซื้อที่เกิดจากการก่อสร้างอาคาร


ข้อเท็จจริง

บริษัทฯ ได้จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2540 ประกอบกิจการขาย

วัสดุก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้าง บริษัทฯ ได้ก่อสร้างอาคารของบริษัทฯ โดยสร้างเสร็จเมื่อวันที่ 25

สิงหาคม 2541 และเปิดขายสินค้าในเดือนกันยายนและตุลาคม 2541 ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน

2541 ได้ขายอาคารหลังดังกล่าวไปบริษัทฯ จึงขอทราบว่า

1. ภาษีซื้อวัสดุเพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารที่บริษัทฯ ขายไปเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน

2541 บริษัทฯ จะนำมาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่ง

ประมวลรัษฎากรไม่ได้นั้น บริษัทฯ จะนำภาษีซื้อดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นต้นทุนของอาคารได้หรือไม่

2. ภาษีซื้อที่เกิดจากการสร้างบ้านพักชั่วคราวให้คนงาน ล้อมรั้วชั่วคราวรอบบริเวณที่

ก่อสร้าง ทำแบบก่อสร้างและเศษวัสดุที่เหลือในการก่อสร้าง เช่น เหล็ก กระเบื้อง ภาษีซื้อดังกล่าว

สามารถใช้เป็นเครดิตภาษีขายได้หรือไม่ และหากในกรณีดังกล่าวบริษัทฯ จะต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่ม

บริษัทฯ ก็ขอให้กรมสรรพากรพิจารณางดเบี้ยปรับเงินเพิ่มให้ด้วย


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 82/5(6), มาตรา 65 ตรี (6 ทวิ)

แนววินิจฉัย

1. บริษัทฯ ได้ก่อสร้างอาคารขึ้นเพื่อใช้ในกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและ

บริษัทฯ ได้ขายอาคารดังกล่าวไปภายใน 3 ปี นับแต่เดือนภาษีที่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ภาษีซื้ออันเกิดจาก

การก่อสร้างอาคาร ซึ่งรวมถึงภาษีซื้อจากการก่อสร้างบ้านพักคนงานชั่วคราว การล้อมรั้วชั่วคราวรอบ

บริเวณก่อสร้าง การทำแบบก่อสร้างและจากเศษวัสดุที่เหลือใช้ในการก่อสร้าง ถือเป็นภาษีซื้อต้องห้ามนำ

ไปหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร และ

ตามข้อ 2 (4) แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42) เรื่อง การกำหนด

ภาษีซื้อที่ไม่ให้นำไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/5(6) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่

29 ธันวาคม พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม

(ฉบับที่ 98)ฯ ลงวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ได้เครดิตภาษีซื้ออันเกิดจาก

การก่อสร้างอาคารดังกล่าวไปแล้ว บริษัทฯ ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (แบบ ภ.พ.30)

สำหรับเดือนภาษีกรกฎาคม 2540 ถึง ตุลาคม 2541 เพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงภาษีซื้อโดยนำภาษีซื้อต้องห้าม

ตามมาตรา 82/5(6) แห่งประมวลรัษฎากร ที่บริษัทฯ ได้นำไปใช้ในการเครดิตภาษีในแต่ละเดือนมา

แสดงในแบบแสดงรายการที่ยื่นเพิ่มเติม โดยต้องเสียเบี้ยปรับอีกหนึ่งเท่าของภาษีซื้อที่แสดงไว้เกินไป

ทั้งนี้ ตามมาตรา 89 (4) แห่งประมวลรัษฎากร พร้อมเงินเพิ่มตามมาตรา 89/1 แห่งประมวลรัษฎากร

2. บริษัทฯ นำภาษีซื้อต้องห้ามตามข้อเท็จจริงดังกล่าว มาเป็นรายจ่ายหรือต้นทุนของ

ทรัพย์สินได้ ทั้งนี้ตามมาตรา 65 ตรี (6 ทวิ) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 แห่ง

พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีซื้อที่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณ

กำไรสุทธิ (ฉบับที่ 243) พ.ศ.2534

3. เนื่องจากบริษัทฯ ไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี ประกอบกับการขอคืนภาษีซื้อดังกล่าวไม่ได้

ขอคืนภาษีเป็นเงินสด จึงให้งดเบี้ยปรับที่บริษัทฯ จะต้องเสียตามมาตรา 89 (4) แห่งประมวลรัษฎากร

ทั้งนี้ตามมาตรา 89 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากรประกอบกับข้อ 11 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.

81/2542 เรื่อง หลักเกณฑ์การงดหรือลดเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และ

ภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 22 มาตรา 26 มาตรา 67 ตรี มาตรา 89 และมาตรา 91/21 (6)

แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 สำหรับเงินเพิ่มไม่อาจงดให้แก่บริษัทฯ ได้

เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายให้อำนาจไว้




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/3524 ลงวันที่ 03 พฤษภาคม 2543

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)