Skip to Content

ผลเสียหาย ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการขายเรือเก่าเพื่อซื้อเรือใหม่

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการขายเรือเก่าเพื่อซื้อเรือใหม่


ข้อเท็จจริง

บริษัท ส. ประกอบกิจการประเภทบริการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศ บริษัทฯ ได้

จดทะเบียนขอรับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย

การยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 314) พ.ศ. 2540 เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2542 บริษัทฯ ให้บริการขนส่ง

สินค้าทางทะเลระหว่างประเทศโดยเรือเดินทะเลของบริษัทฯ ชื่อ เรือ ส. ซึ่งเป็นเรือสัญชาติไทยที่

จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมพาณิชย์นาวี เนื่องจากเรือ ส. ได้ประสบอุบัติเหตุจมลงที่

ต่างประเทศ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2546 โดยจมอยู่ในทะเลลึก บริษัทฯ ไม่ได้กู้เรือดังกล่าวขึ้นมา

เนื่องจากไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการขอรับค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจาก

บริษัทประกันภัยที่เป็นนิติบุคคลในต่างประเทศ โดยบริษัทฯ จะนำเงินดังกล่าวไปจัดซื้อเรือลำใหม่เพื่อมา

ทดแทน โดยเรือลำใหม่ที่จะซื้อจะมีอายุการใช้งานน้อยกว่าและมีระวางบรรทุกมากกว่าเรือลำที่จมพร้อม

กับทำการจดทะเบียนเป็นเรือไทย แต่เนื่องจากบริษัทฯ ยังไม่ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัท

ประกันภัย บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องจัดหาแหล่งเงินทุนอื่น เช่น การกู้ยืมเงินเพื่อนำมาซื้อเรือลำใหม่

และเมื่อบริษัทฯ ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยก็จะนำไปชำระคืนเงินกู้ดังกล่าว ทั้งนี้

เพื่อไม่ให้กิจการของบริษัทฯ สะดุดหยุดลง บริษัทฯ จึงขอทราบว่า

1. เงินค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทฯ ได้รับจากบริษัทประกันภัย จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตาม

พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่

299) พ.ศ. 2539 หรือไม่ และหากจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทฯ ได้รับมีจำนวนสูงกว่าราคา

เรือลำใหม่ที่ซื้อมา ผลต่างระหว่างเงินค่าสินไหมทดแทนและราคาจากการซื้อเรือลำใหม่ บริษัทฯ ต้องถือ

เป็นเงินได้เพื่อรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือไม่

2. หากเงินค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทฯ ได้รับ เข้าลักษณะเป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้นตาม

พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 299) พ.ศ. 2539 บริษัทฯ ต้องซื้อเรือลำใหม่ภายในเวลา 1 ปี นับแต่วันที่

เรือจมหรือนับแต่วันที่ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทฯ ประกันภัย

3. การแจ้งการขายเรือเก่าและซื้อเรือใหม่เป็นหนังสือต่ออธิบดีกรมสรรพากรภายใน 30

วันนั้น จะนับจากวันที่ถือว่าขายเรือลำเก่าหรือวันที่ซื้อเรือลำใหม่พร้อมจดทะเบียนเป็นเรือไทย


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 65 ตรี (12)

แนววินิจฉัย

1. ตามข้อเท็จจริง เรือลำดังกล่าวได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทประกันภัย เนื่องจากเรือ

ประสบอุบัติเหตุจมลง อันเป็นเหตุให้บริษัทฯ ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย โดยที่บริษัทฯ

ไม่ได้ขายซากเรือดังกล่าวให้กับบริษัทประกันภัยเนื่องจากไม่ได้กู้เรือดังกล่าวขึ้นมาจากทะเล เงิน

ค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทฯ ได้รับไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้ที่ได้จากการขายเรือเดินทะเลตามมาตรา 4

แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 299) พ.ศ. 2539 แต่ประการใด

2. กรณีเรือ ส. ของบริษัทฯ ประสบอุบัติเหตุจมลงในทะเล ถือได้ว่าเป็นผลเสียหายอันอาจ

ได้รับกลับคืนเนื่องจากการประกันภัย ดังนั้น เมื่อทรัพย์สินได้รับความเสียหายและกำลังรอการชดใช้จาก

บริษัทประกันภัย หากได้สิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีไป บริษัทฯ จะตัดผลเสียหายดังกล่าวเป็นรายจ่ายทันที

ไม่ได้ ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (12) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จะต้องรอจนกว่าจะได้รับ

ค่าสินไหมที่ได้รับชดใช้จากบริษัทประกันภัยเสียก่อน ถ้าผลเสียหายมากกว่าค่าชดใช้ ผลต่างถือเป็น

ผลเสียหายที่มีสิทธิหักเป็นรายจ่ายได้ แต่ถ้าค่าชดใช้สูงกว่าค่าเสียหาย ผลต่างถือเป็นรายได้ จึงต้องนำ

มารวมคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วย




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0706/1474 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2547

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)