ประกันชีวิต/ประกันภัย ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีแยกธุรกิจประกันชีวิต และประกันวินาศภัยออกจากกัน
เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีแยกธุรกิจประกันชีวิต และประกันวินาศภัยออกจากกันข้อเท็จจริงบริษัทฯ ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยในบริษัทเดียวกัน ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการประกันชีวิตและประกันวินาศภัย กำหนดให้บริษัทฯ ต้องแยกธุรกิจ ทั้งสองออกจากกันโดยการจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่ บริษัทฯ จึงกำหนดเป็นนโยบายว่าบริษัทฯ จะแยกธุรกิจ ดังกล่าวออกจากกันโดยโอนบรรดาทรัพย์สิน หนี้สิน เงินทุนจดทะเบียน ขาดทุนสะสม ความรับผิดชอบตาม กรมธรรม์ประกันภัยตลอดจนพนักงานและลูกจ้างในส่วนของแต่ละธุรกิจไปจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ เพราะ บริษัทมีการแยกบัญชีระหว่างธุรกิจทั้งสองออกจากกันอยู่แล้ว ในการแยกธุรกิจดังกล่าวออกจากกัน บริษัทฯ ขอทราบว่า 1. บริษัทผู้รับโอนจะได้รับยกเว้นภาษีหรือไม่ 2. บริษัทผู้รับโอนจะต้องปฏิบัติอย่างไรเกี่ยวกับขาดทุนสะสมดังกล่าว กฎหมายที่เกี่ยวข้องมาตรา 56, มาตรา 56 ตรี, มาตรา 56 ทวิ, พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 282), (ฉบับที่ 283) พ.ศ.2539แนววินิจฉัย1. การโอนทรัพย์สินเพื่อแยกบริษัทที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต และบริษัทที่ได้ รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยออกจากกัน ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 282) พ.ศ. 2538 และได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 283) พ.ศ. 2538 2. กรณีแยกบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต และได้รับใบอนุญาตประกอบ ธุรกิจประกันวินาศภัยออกจากกัน ตามพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการประกันชีวิตและพระราชบัญญัติเกี่ยวกับ การประกันวินาศภัย บริษัทฯ จะแยกธุรกิจดังกล่าวโดยการโอนทรัพย์สิน หนี้สิน เงินทุนจดทะเบียนและ ขาดทุนสะสมไปยังบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่บริษัทฯ ย่อมกระทำได้ตามหลักการทางบัญชี แต่ในส่วนของขาดทุน สะสมที่โอนไปยังบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ไม่สามารถนำผลขาดทุนสะสมดังกล่าวมาหักในการคำนวณกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้ของบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ได้ เนื่องจากการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสีย ภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามมาตรา 65 มาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ที่มา:หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/02557 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2542 |