คืนบัตรผู้เสียภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการขอคืนบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการขอคืนบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรข้อเท็จจริงบริษัทจำกัดได้จดทะเบียนแจ้งเลิกบริษัทต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2548 และปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างการชำระบัญชี ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 บริษัทได้ยื่นคำร้องขอคืนบัตรประจำตัว ผู้เสียภาษีอากร (ล.ป.10.3) ต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธไม่รับคำร้องดังกล่าวด้วยเหตุผลว่า การยื่นคำร้องขอคืนบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรจะกระทำได้ต่อเมื่อบริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีแล้วเท่านั้น ตามข้อ 8(2) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลและผู้จ่ายเงินได้ซึ่งมีหน้าที่หัก ณ ที่จ่าย มีและใช้เลขประจำตัวในการปฏิบัติการตามประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2545 กำหนดให้บริษัทแจ้งต่อเจ้าหน้าที่พร้อมคืนบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรภายในหกสิบวันนับแต่วันที่บริษัทเลิกกัน จึงขอทราบว่า การยื่นคำร้องขอคืนบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรกรณีดังกล่าว จะกระทำได้ในวันใดดังต่อไปนี้ 1. วันที่ที่ประชุมใหญ่ของผู้ถือหุ้นมีมติพิเศษให้เลิกกัน 2. วันที่ยื่นขอจดทะเบียนเลิกบริษัท ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร หรือ 3. วันที่บริษัทได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญช กฎหมายที่เกี่ยวข้องประกาศอธิบดีฯ การคืนบัตรผู้เสียภาษีแนววินิจฉัยกรณีการขอคืนบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของบริษัทที่เลิกกันนั้น ข้อ 8(2) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ลงวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2545 กำหนดให้ต้องคืนบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้เลิกกัน เนื่องจากการตั้งบริษัทขึ้นตามกฎหมายนั้นก็ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินกิจการในทางธุรกิจหรือทางการค้า หากมีกรณีที่บริษัทเลิกกันไม่ว่าด้วยเหตุตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือโดยคำสั่งศาล การเลิกกันนี้จึงหมายถึงการที่บริษัทได้เลิกประกอบธุรกิจตามวัตถุประสงค์ที่มุ่งจัดตั้งบริษัทขึ้นมา วันที่เลิกกันจึงหมายถึงวันที่บริษัทได้เลิกประกอบกิจการนั้นเอง ซึ่งเมื่อบริษัทได้เลิกกันแล้วบริษัทยังมีหน้าที่ต้องยื่นรายการและชำระภาษีภายหลังที่ได้แจ้งเลิกกิจการภายใน 150 วันนับวันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิก และหากมีกรณีที่บริษัทไม่สามารถยื่นรายการและชำระภาษีได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น การชำระบัญชีไม่อาจทำให้เสร็จสิ้นได้ภายใน 150 วันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิกก็ให้บริษัทมีสิทธิยื่นคำร้องต่ออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อขอขยายระยะเวลาการปฏิบัติดังกล่าวออกไปได้อีก ทั้งนี้ ตามมาตรา 68 และมาตรา 72 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น วันที่เลิกกันจึงหมายถึงวันที่บริษัทได้หยุดประกอบกิจการตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งบริษัทขึ้นมาอย่างถาวร และได้แจ้งเลิกประกอบกิจการต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งบริษัทที่เลิกกิจการก็มีสิทธิคืนบัตรประจำตัวพร้อมเลขประจำตัวผู้เสียภาษีได้นับแต่วันนั้น ที่มา:หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0706/9970 ลงวันที่ 01 ธันวาคม 2549 |