Skip to Content

ควบรวมกิจการ ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการโอนกิจการของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการโอนกิจการของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน


ข้อเท็จจริง

บริษัทฯ ได้หารือกรณี บริษัท ก. จำกัด เป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย ประกอบกิจการ

ผลิตวัตถุดิบเพื่อส่งให้ บริษัท ข. จำกัด ทำการผลิตสินค้าสำเร็จรูปต่อไป โดยบริษัท ก. จำกัด ได้รับ

การส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 2 บัตร กล่าวคือ บัตรแรกเป็นการ

ส่งเสริมการลงทุนสำหรับการผลิตวัตถุดิบประเภทที่หนึ่ง ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตวัตถุดิบประเภทที่สอง

และบัตรที่สองเป็นการส่งเสริมการลงทุนสำหรับการผลิตวัตถุดิบประเภทที่สอง ซึ่งทั้งสองบัตรได้รับสิทธิ

ประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในระยะเวลา 8 ปี

บริษัท ข. จำกัด เป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย ประกอบกิจการผลิตสินค้าสำเร็จรูป

โดยใช้วัตถุดิบประเภทที่สองที่ผลิตโดยบริษัท ก. จำกัด โดยบริษัท ข. จำกัดได้รับการส่งเสริมการลงทุน

จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนสำหรับการผลิตสินค้าสำเร็จรูปดังกล่าว ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์

ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 8 ปี โดยผู้ถือหุ้นของบริษัท ก. จำกัด และบริษัท ข. จำกัด

เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน

ทั้งนี้ บริษัท ก. จำกัด และบริษัท ข. จำกัด มีความประสงค์จะปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจ

เพื่อความมีประสิทธิผล และลดความซ้ำซ้อนในการบริหารงาน โดยการโอนบัตรส่งเสริมการลงทุนทั้ง 2

บัตร รวมทั้งกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สินทั้งหมดของบริษัท ก. จำกัด ไปยังบริษัท ข.จำกัด โดยบริษัท

ก. จำกัดจะจดทะเบียนเลิกและมีการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกันกับที่ได้มีการโอนกิจการ

หลังจากปรับโครงสร้างธุรกิจแล้ว บริษัท ข. จำกัด จะมีส่วนการผลิตทั้งหมด 3 แผนก ได้แก่ แผนกผลิต

วัตถุดิบประเภทที่หนึ่ง แผนกผลิตวัตถุดิบประเภทที่สอง และแผนกผลิตสินค้าสำเร็จรูป โดยบริษัท ข.

จำกัด จะยังคงเหลือสิทธิประโยชน์ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปีสำหรับ

การประกอบกิจการผลิตวัตถุดิบประเภทที่หนึ่ง 5 ปีสำหรับการประกอบกิจการผลิตวัตถุดิบประเภทที่สอง

และ 7 ปีสำหรับการประกอบกิจการผลิตสินค้าสำเร็จรูป

บริษัทฯ เห็นว่า

1. เนื่องจากวัตถุดิบประเภทที่หนึ่ง ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตวัตถุดิบประเภทที่สอง และบริษัท

ข. ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในการผลิตสินค้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากวัตถุดิบประเภทที่สอง ดังนั้น เมื่อ

บริษัท ก. จำกัด ได้โอนกิจการผลิตและบัตรส่งเสริมการลงทุนทั้ง 2 บัตรไปยังบริษัท ข. จำกัดแล้ว

บริษัท ข. จำกัด จึงได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากรายได้จากการขายสินค้าสำเร็จรูปทั้งสิ้น โดย

ไม่จำเป็นต้องเฉลี่ยเป็นรายได้จากการขายสินค้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากวัตถุดิบประเภทที่หนึ่ง และที่ผลิตจาก

วัตถุดิบประเภทที่สองแต่อย่างใด รวมทั้งไม่จำเป็นต้องคิดกำไรจากการส่งวัตถุดิบประเภทที่หนึ่งให้แก่

แผนกผลิต วัตถุดิบประเภทที่สอง เนื่องจากแต่ละแผนกเป็นกิจการที่อยู่ในนิติบุคคลเดียวกัน และเพื่อมุ่ง

ประสงค์ผลิตสินค้าสำเร็จรูปที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนของบริษัท ข. จำกัด นั่นเอง

2. กรณีที่บริษัท ก. จำกัด โอนกิจการทั้งหมด และเลิกบริษัท และชำระบัญชีใน

รอบระยะเวลาบัญชีที่โอนกิจการตามมาตรา 74(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร ราคาทรัพย์สินที่ บริษัท

ก.จำกัด โอนให้กับบริษัท ข. จำกัด นั้นจะโอนตามราคาทุน หรือราคาตลาดก็ได้ หากมีกำไร

(ราคาตลาด ณ วันโอนสูงกว่าราคาทุนตามบัญชี) หรือขาดทุน (ราคาตลาด ณ วันโอนต่ำกว่าราคาทุนตาม

บัญชี) เกิดขึ้นจากการโอนทรัพย์สินดังกล่าว บริษัท ก. จำกัด ผู้โอนไม่ต้องนำกำไรหรือ ขาดทุนดังกล่าว

มารวมคำนวณกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้โอนกิจการและเลิกบริษัท และบริษัท ข.จำกัด

ผู้รับโอนจะต้องใช้ราคาทุนที่บริษัท ก. จำกัด ได้โอนทรัพย์สินมาเป็นต้นทุนในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิ

เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัท ข. จำกัด เพื่อคำนวณค่าเสื่อมราคา หรือเพื่อคำนวณกำไรขาดทุน

หากมีการขายสินทรัพย์ดังกล่าวในอนาคต ไม่ว่าบริษัท ข. จำกัด จะรับโอนทรัพย์สินดังกล่าวจากบริษัท

ก. จำกัด ตามราคาทุนหรือราคาตลาดก็ตาม

อนึ่ง การโอนกิจการทั้งหมดเพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรา 74(1)(ค) แห่ง

ประมวลรัษฎากร บริษัท ก. จำกัด ผู้โอนจะจดทะเบียนเลิกและมีการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีที่

โอนกิจการนั้น หรือจะโอนกิจการก่อนจดทะเบียนเลิกบริษัทในรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกันก็ได้ หากได้ทำ

ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขการควบเข้ากันหรือ

โอนกิจการทั้งหมดให้แก่กันของบริษัทมหาชนจำกัด หรือบริษัทจำกัดเพื่อยกเว้นรัษฎากร ลงวันที่ 27

กันยายน พ.ศ. 2542

3. ผู้ถือหุ้นในบริษัท ก. จำกัด ผู้โอนซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำ

ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่บริษัทโอนกิจการทั้งหมดซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน ซึ่งเป็นเงินได้

ตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร มาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42(17) แห่ง

ประมวลรัษฎากร ประกอบข้อ 2(50) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความใน

ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และผู้ถือหุ้นในบริษัท ก. จำกัด ผู้โอนซึ่งเป็น

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับยกเว้นไม่ต้องนำผลประโยชน์ที่ได้จากการที่บริษัทโอนกิจการทั้งหมดซึ่ง

ตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุนมาคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 5 สัตตรส แห่ง

พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.

2500

4. บริษัท ก. จำกัด ผู้โอนได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับจาก

การขายอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัท ก. จำกัด ผู้โอนมีไว้ในการประกอบกิจการตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับ

ที่ 10) พ.ศ. 2500 มาตรา 5 โสฬส และบริษัท ก. จำกัด จะได้รับยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับ

ตราสารที่เกิดขึ้นจากการโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กันตามมาตรา 6(31) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่

10) พ.ศ. 2500


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 74(1)(ค)

แนววินิจฉัย

1. เนื่องจากวัตถุดิบประเภทที่หนึ่ง ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตวัตถุดิบประเภทที่สอง และบริษัท

ข. ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในการผลิตสินค้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากวัตถุดิบประเภทที่สอง ดังนั้น เมื่อ

บริษัท ก. จำกัด ได้โอนกิจการผลิตและบัตรส่งเสริมการลงทุนทั้ง 2 บัตรไปยังบริษัท ข. จำกัดแล้ว

บริษัท ข. จำกัด จึงได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากรายได้จากการขายสินค้าสำเร็จรูปทั้งสิ้น โดย

ไม่จำเป็นต้องเฉลี่ยเป็นรายได้จากการขายสินค้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากวัตถุดิบประเภทที่หนึ่ง และที่ผลิตจาก

วัตถุดิบประเภทที่สอง ทั้งก่อนและหลังจากที่สิทธิประโยชน์ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามบัตรแรก

และบัตรที่สองหมดลง ทั้งนี้ เนื่องจากการประกอบกิจการทั้งสามแผนกก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ในการผลิต

สินค้าสำเร็จรูปของบริษัท ข. จำกัด ผู้รับโอนแต่เพียงผู้เดียว และบริษัทฯ ไม่จำเป็นต้องคิดกำไรจาก

การส่งวัตถุดิบประเภทที่หนึ่งให้แก่แผนกผลิตวัตถุดิบประเภทที่สอง เนื่องจากแต่ละแผนกเป็นกิจการที่อยู่ใน

นิติบุคคลเดียวกัน และเพื่อมุ่งประสงค์ผลิตสินค้าสำเร็จรูปที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนของบริษัท ข. จำกัด

นั่นเอง

2. การโอนทรัพย์สินของบริษัทผู้โอนไปยังบริษัทผู้รับโอนนั้นให้ตีราคาตามราคาตลาดในวันที่

จดทะเบียนเลิก อย่างไรก็ดี บริษัทผู้โอนไม่ต้องนำกำไรหรือขาดทุนที่เกิดขึ้นจากการโอนมารวมคำนวณ

เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทผู้โอนได้โอนกิจการและเลิกบริษัทตามมาตรา

74(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร อนึ่ง การโอนกิจการที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรมาตรา

74(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร นั้น ผู้โอนกิจการจะต้องจดทะเบียนเลิกและมีการชำระบัญชีใน

รอบระยะเวลาบัญชีที่โอนกิจการนั้นตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ลงวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2542 ดังกล่าว

3. หากบริษัทผู้โอนจดทะเบียนเลิกและมีการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีการ

โอนกิจการและได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในประกาศอธิบดี

กรมสรรพากรฯ ลงวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2542 แล้ว ผู้ถือหุ้นและบริษัทผู้โอนจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษี

ตามความเห็นบริษัทฯ ในข้อ 3 และข้อ 4 นั้นถูกต้องแล้ว




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0706/4078 ลงวันที่ 01 พฤษภาคม 2546

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)