Skip to Content

ขอคืนภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลซึ่งผู้มีเงินได้เป็นบุคคลล้มละลาย

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลซึ่งผู้มีเงินได้เป็นบุคคลล้มละลาย


ข้อเท็จจริง

กรณีการขอคืนภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายของบุคคลล้มละลาย สืบเนื่องมาจากรัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงการคลังได้มีคำสั่งให้ระงับการดำเนินกิจการของสถาบันการเงินจำนวน 58 แห่ง เมื่อปี พ.ศ.

2540 ซึ่งต่อมามีสถาบันการเงินที่แผนการฟื้นฟูกิจการไม่ได้รับความเห็นชอบ จำนวน 56 แห่ง และ

สถาบันการเงินดังกล่าวได้ถูกนำเข้าสู่กระบวนการล้มละลายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมาและ

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดีได้ดำเนินการในชั้นล้มละลายกับสถาบันการเงินดังกล่าว บางส่วน

ซึ่งถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว โดยจะต้องดำเนินการรวบรวมทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้ล้มละลาย เพื่อชำระ

หนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายโดยเร็ว ซึ่งในการรวบรวมทรัพย์สินปรากฏว่า สถาบันการเงินดังกล่าวมีเงินภาษี

ที่จะต้องขอรับคืนจากกรมสรรพากรเพื่อรวบรวมจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงได้มีหนังสือ

ขอรับภาษีดังกล่าวคืนจากกรมสรรพากร แต่ได้รับแจ้งว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์จะต้องขอรับภาษีคืนตามแบบ

ค.10 พร้อมส่งงบดุลที่ผู้สอบบัญชีรับรองประกอบตามระเบียบของกรมสรรพากร เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

จึงหารือ ดังนี้

1. ในกรณีที่นิติบุคคลล้มละลายแล้วถือว่า นิติบุคคลนั้นเป็นอันเลิกกันตาม

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1236 และตามมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย

พุทธศักราช 2483 ระบุว่าเมื่อศาลพิพากษาให้บุคคลล้มละลาย การล้มละลายมีผลตั้งแต่วันพิทักษ์ทรัพย์

เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีความเห็นว่าเมื่อนิติบุคคลล้มละลายแล้ว จึงไม่ใช่กรณีที่จะต้องจัดทำ

งบดุลอีกด้วยเหตุผลข้างต้น

2. ในกรณีภาษีที่ผู้ล้มละลายมีสิทธิขอรับคืนเป็นภาษีหัก ณ ที่จ่ายทั้งหมด ทั้งในปีภาษีก่อน

พิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้ล้มละลายยังมิได้ขอรับคืน และในปีภาษีหลังพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้อง

เข้ามาดำเนินการแทนทั้งหมดนั้น เนื่องจากมีข้อขัดข้องเกี่ยวกับการจัดทำงบดุลในช่วงก่อนพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่ง

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังไม่ได้เข้าจัดการทรัพย์สิน และข้อขัดข้องในการติดต่อหาผู้สอบบัญชีรับอนุญาต

ตรวจสอบและรับรองงบดุลดังกล่าวเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอให้อธิบดีกรมสรรพากรพิจารณาใช้อำนาจ

ตามระเบียบกรมสรรพากรเกี่ยวกับการคืนภาษีในข้อ 13 พิจารณาสั่งให้คืนเงินภาษีโดยไม่ต้องตรวจ

เอกสารโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขอนำส่งหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายประกอบการขอรับคืน

ภาษีได้หรือไม่ และในกรณีที่ยังไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายหลังจากศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วนั้น

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขอให้อธิบดีกรมสรรพากรพิจารณาสั่งระงับการหักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับ

ผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลล้มละลายได้หรือไม่ ซึ่งหากกระทำได้จะเป็นการลดภาระของเจ้าหน้าที่กรสรรพากร

ในการตรวจเอกสาร และเป็นประโยชน์ต่อการจัดการทรัพย์สินของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อย่างยิ่ง

3. ในกรณีที่กรมสรรพากรยืนยันว่าการขอรับภาษีคืนจะต้องยื่นแบบ ค.10 พร้อมแนบงบดุลที่

ผู้สอบบัญชีรับรอง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอทราบว่าจะต้องปฏิบัติตลอดไป แม้ปีภาษีภายหลังพิทักษ์ทรัพย์

หรือไม่หรือคงปฏิบัติจนถึงวันพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้น หากปฏิบัติถึงเพียงวันพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

จะต้องปฏิบัติอย่างไรในการขอรับเงินภาษีภายหลังพิทักษ์ทรัพย์คืน


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย, มาตรา 1236, มาตรา 1249 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

แนววินิจฉัย

1. ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 62 บัญญัติว่า "การล้มละลายของลูกหนี้ เริ่มต้นมี

ผลตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิทักษ์ทรัพย์" เป็นเรื่องผลเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้และการดำเนินการ

ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวโดยเฉพาะมิได้มีผลให้สถานะบุคคลของลูกหนี้เปลี่ยนเป็นบุคคลล้มละลาย ตั้งแต่

วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไปด้วย คำว่า "ล้มละลาย"ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา

1236(5) ซึ่งมีผลให้บริษัทจำกัดเลิกกันจึงหมายถึง เมื่อศาลพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว การที่ศาลมี

คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดยังถือไม่ได้ว่าบริษัทล้มละลาย ดังนั้น บริษัทฯ ยังคงมีหน้าที่ต้องจัดทำงบดุลต่อไป

แม้ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว

2. กรณีการขอคืนภาษีหัก ณ ที่จ่าย โดยขอไม่ยื่นงบดุล และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ โดยจะ

ขอนำส่งหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ประกอบกับแบบขอคืนภาษี ทั้งนี้ โดยอาศัยอำนาจอธิบดีตาม

ระเบียบกรมสรรพากร ว่าด้วยการคืนเงินภาษีอากร พ.ศ. 2539 ข้อ 13.3 นั้น เนื่องจากกรณี

ดังกล่าวเป็นการขอคืนภาษีหัก ณ ที่จ่าย ของสถาบันการเงินหนึ่งในจำนวน 58 แห่งที่รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงการคลังได้มีคำสั่งให้ระงับการดำเนินกิจการ จึงเห็นว่าการพิจารณาคืนเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายใน

กรณีดังกล่าวมีความจำเป็นต้องตรวจสอบบัญชีเอกสารหลักฐานต่าง ๆ รวมถึงงบดุลที่ผู้สอบบัญชีรับรองซึ่ง

เป็นรายการที่จำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษีด้วยและกรณีข้อขัดข้องเรื่องการติดต่อหา

ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบบัญชีรับรองงบดุล ตามข้อกล่าวอ้างของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ยังถือไม่ได้

ว่าเป็นเหตุให้บริษัทไม่ต้องทำงบดุล งบกำไรขาดทุนเพื่อยื่นต่อกรมสรรพากรพร้อมกับแบบแสดงรายการ

ภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50)

นอกจากนั้น การหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นกรณีกฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้จ่ายเงินได้

พึงประเมินต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายแก่ผู้รับเงินได้พึงประเมิน อธิบดีกรมสรรพากรไม่มีอำนาจสั่งระงับการหัก

ภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลล้มละลายแต่อย่างใด

3. การจัดทำงบดุลที่ผู้สอบบัญชีรับรองเพื่อประกอบแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.50

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องปฏิบัติตลอดไปจนกว่าสถาบันการเงินดังกล่าวจะได้จดทะเบียนเสร็จการ

ชำระบัญชีซึ่งถือได้ว่าสถาบันการเงินมิได้มีสภาพการคงอยู่ต่อไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 1249




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/5815 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2545

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)