การให้บริการ ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีฐานภาษีจากการเล่นแข่งม้า
เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีฐานภาษีจากการเล่นแข่งม้าข้อเท็จจริงสมาคมแข่งม้าแห่งประเทศไทย เป็นนิติบุคคลประเภทสมาคม จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ประเภทภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2535 ประกอบกิจการให้บริการ จัดให้มีการแข่งม้าและขายอาหาร สมาคมฯ จัดให้มีการเล่นพนันโตแตไลเซเตอร์ สำหรับการเล่นแข่งม้าตามบัญชี ข ข้อ 17 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ระบุให้เล่นได้ 2 ชนิด คือ วินโต๊ดและเปล๊สโต๊ด การเล่นวิน โต๊ด ผู้เล่นจะได้รับเงินส่วนแบ่งต่อเมื่อม้าที่แทงไว้เข้าเป็นที่ 1 เท่านั้น ส่วนการเล่นเปล๊สโต๊ด ผู้เล่นจะ ได้รับเงินส่วนแบ่งต่อเมื่อม้าที่แทงไว้เข้าเป็นม้ารองอันดับที่ 1 ที่ 2 หรือที่ 3 การจัดให้มีการเล่นการพนันดังกล่าว สมาคมฯ จะต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 16 มาตรา 16 ทวิ กฎกระทรวง ฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2503) ออกตามความใน พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ให้แก่กรมตำรวจในอัตราร้อยละ 10 แห่งยอดรายรับก่อนหัก รายจ่าย และต้องเสียภาษีให้กรุงเทพมหานคร เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 2.5 แห่งยอดที่ต้องเสีย นอกจากหักภาษีดังกล่าวแล้ว สมาคมฯ ยังหักเป็นรายได้ของสมาคมฯ อีกร้อยละ 10 ของ ยอดเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากวินโต๊ด และร้อยละ 5 ของยอดเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากเปล๊ส โต๊ด จึงเหลือเงินอีกร้อยละ 77.5 แบ่งจ่ายให้แก่ผู้เล่นวินโต๊ด และอีกร้อยละ 82.5 แบ่งจ่ายให้แก่ผู้ เล่นเปล๊สโต๊ด ในการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล สมาคมฯ ยื่นแบบ ภ.ง.ด.55 เสียภาษีในอัตราร้อยละ 2 ของจำนวนเงินที่ได้จากการขายอาหาร ค่าบำรุงสนามกีฬา ค่าบัตรผ่านประตูเข้าชมการแข่งม้า และ รายได้จากการจำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดซึ่งได้หักค่าภาษีที่ต้องเสียให้กรมตำรวจและ กรุงเทพมหานครแล้ว และสมาคมฯ ได้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 10 ของจำนวนเงินที่ได้รับจากค่าเช่า ทรัพย์สินและดอกเบี้ยรับ สำหรับการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม รายรับที่สมาคมฯ นำมายื่นแบบ ภ.พ.30 ประกอบด้วย รายรับจากการขายอาหาร ค่าบำรุงสนามกีฬาประเภทต่างๆ ค่าสมาชิก ค่าบัตรผ่านประตูเข้าชม การแข่งม้า และแสดงรายรับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จากค่าสอนว่ายน้ำและค่าตรวจสุขภาพก่อนสมัคร สมาชิกสระว่ายน้ำ ส่วนรายรับจากการจำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ด สมาคมฯ ไม่ได้นำมาคำนวณ ในการยื่นแบบเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด กฎหมายที่เกี่ยวข้องมาตรา 65 ทวิ (13), มาตรา 77/1(10), พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 168) พ.ศ. 2529,แนววินิจฉัย1. กรณี ภาษีเงินได้นิติบุคคล สมาคมแข่งม้าแห่งประเทศไทย เป็นนิติบุคคลประเภทสมาคม มีเงินได้จากการจำหน่าย สลากวินโต๊ดและสลากเปล๊สโต๊ด ค่าบัตรผ่านประตูเข้าชมการแข่งม้า เงินได้จากการขายอาหาร และ ค่าบำรุงสนามกีฬา เงินได้ดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่ง ประมวลรัษฎากร และไม่ใช่รายได้ค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้รับจากสมาชิก หรือเงินหรือทรัพย์สินที่ ได้รับจากการรับบริจาค หรือจากการให้โดยเสน่หา ตามมาตรา 65 ทวิ (13) แห่งประมวลรัษฎากร สมาคมฯ จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 2 ของรายได้ก่อนหัก รายจ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ตาม (จ) ของ (2) แห่งบัญชีอัตราภาษีเงินได้ ท้ายหมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 168) พ.ศ. 2529 หรือ มาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออก ตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 250) พ.ศ. 2535 แล้วแต่กรณี โดยสมาคมฯ ไม่มีสิทธิที่จะนำจำนวนเงินภาษีที่เสียให้แก่กรมตำรวจ และกรุงเทพมหานคร รวมทั้ง จำนวนเงินที่จ่ายให้แก่ผู้เล่นม้าทั้งวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ด มาหักออกจากรายได้ก่อนที่จะนำมาเสีย ภาษีเงินได้นิติบุคคลแต่อย่างใด 2. กรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม การจัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นแข่งม้า การสอนว่ายน้ำ และ การตรวจสุขภาพก่อนสมัครสมาชิกสระว่ายน้ำ เข้าลักษณะเป็นการให้บริการตามมาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร สมาคมฯ จึงต้องนำมูลค่าทั้งหมดที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการให้บริการมารวมเป็นฐานภาษีตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อใช้ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม นั่นคือ สมาคมฯ จะต้องนำรายรับที่ได้จาก การจำหน่ายสลากวินโต๊ดและสลากเปล๊สโต๊ด รายรับจากการให้บริการขายอาหาร ค่าบำรุงสนามกีฬา ประเภทต่าง ๆ ค่าสมาชิก ค่าบัตรผ่านประตูเข้าชมการแข่งม้า ค่าสอนว่ายน้ำและค่าตรวจสุขภาพก่อน สมัครสมาชิกสระว่ายน้ำ มารวมคำนวณเป็นฐานภาษีในการคำนวณเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร 3. กรณีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย กรณีเงินรางวัลที่จ่ายให้ผู้แทงม้าชนะทั้งวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ด เข้าลักษณะเป็นเงินได้จาก การเล่นการพนัน สมาคมฯ จึงไม่มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากเงินดังกล่าว กรณีเงินรางวัลที่จ่ายให้แก่ม้าชนะ เข้าลักษณะเป็นเงินได้ตาม มาตรา 40 (8) แห่ง ประมวลรัษฎากร ซึ่งเป็นรางวัลในการแข่งขัน ที่สมาคมฯ จ่ายให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ สมาคมฯ จึงมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ในอัตราร้อยละ 5.0 ทั้งนี้ ตามข้อ 9 (1) แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หัก ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ที่มา:หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/พ.00657 ลงวันที่ 25 มกราคม 2542 |