การให้บริการ/ขนส่ง ภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการประกอบกิจการรับจ้างขนส่งทางเรือ
เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการประกอบกิจการรับจ้างขนส่งทางเรือข้อเท็จจริงบริษัทฯ ประกอบกิจการรับจ้างขนส่งทางเรือโดยมีข้อเท็จจริงสรุปได้ดังนี้ บริษัทฯ ประกอบกิจการรับจ้างขนส่งทางเรือโดยมีท่าเทียบเรือเป็นของตนเองที่ ศรีราชาและ สัตหีบ และในการประกอบกิจการบริษัทฯ ได้ให้บริการรับขนพนักงานของบริษัทตัวแทนเรือต่างประเทศซึ่ง เรือต่างประเทศบางครั้งอาจจะจอดในบริเวณอื่น ฉะนั้นหากเรือต่างประเทศจอดอยู่บริเวณแหลมฉบังหรือ มาบตาพุต บริษัทฯ ต้องเช่าท่าหรือสถานที่ของหน่วยงานราชการเพื่อใช้เป็นที่จอดเรือในการรับส่ง พนักงานของบริษัทตัวแทนเรือต่างประเทศ บริษัทฯ รับจ้างบริษัทตัวแทนเรือต่างประเทศเพื่อรับส่งพนักงานของบริษัทตัวแทนเรือใน การเดินทางไปติดต่อกับกัปตันเรือต่างประเทศที่จอดอยู่กลางทะเลบริเวณเกาะสีชัง แหลมฉบัง สัตหีบและ มาบตาพุต โดยจะไม่อนุญาตให้บุคคลอื่นโดยสารแต่อย่างใด ในการเข้ามาในราชอาณาจักรของเรือ ต่างประเทศจะต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและกฎหมายของประเทศไทย บริษัทตัวแทนเรือได้ให้บริษัทฯ รับส่งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องไปปฏิบัติงานตามกฎหมายเกี่ยวกับการเข้ามาของเรือต่างประเทศนั้น เช่น เจ้าหน้าที่นำร่อง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไปดำเนินพิธีการกับเรือต่างประเทศที่ตนเป็นตัวแทนอยู่ เดิมบริษัทฯ ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่ต้องถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ต่อมาบริษัทฯ ทราบว่าได้มีคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.106/2544 ฯ และกฎกระทรวง ฉบับที่ 229 (พ.ศ.2544) ฯ บริษัทฯ จึงขอหารือว่า 1. การประกอบกิจการของบริษัทฯ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการให้บริการของ ผู้ประกอบกิจการท่าเรือและผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการให้บริการอื่นในลักษณะทำนองเดียวกันกับ กิจการท่าเรือที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 106/2544 ฯ หรือไม่ หากต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มบริษัทฯ ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับบริษัทตัวแทนเรือหรือไม่ 2. เมื่อบริษัทตัวแทนเรือจ่ายเงินได้แก่บริษัทฯ บริษัทฯ ต้องถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายหรือไม่ กฎหมายที่เกี่ยวข้องมาตรา 81(1)(ณ), มาตรา 77/2, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.106/2544 ฯ, กฎกระทรวง ฉบับที่แนววินิจฉัย1. การประกอบกิจการรับขนส่งผู้โดยสารทางเรือในราชอาณาจักรตามข้อเท็จจริง ดังกล่าว เป็นการให้บริการขนส่งในราชอาณาจักร ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81(1)(ณ) แห่ง ประมวลรัษฎากร และไม่เข้าลักษณะเป็นการให้บริการของกิจการท่าเรือและการให้บริการอื่นในลักษณะ ทำนองเดียวกันกับกิจการท่าเรือที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับ คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.106/2544 เรื่อง การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีการให้บริการของ ผู้ประกอบกิจการท่าเรือและผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการให้บริการอื่นในลักษณะทำนองเดียวกันกับ กิจการท่าเรือ ลงวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2544 ดังนั้น การประกอบกิจการรับขนส่ง ผู้โดยสารทางเรือ ในราชอาณาจักรตามข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด 2. การให้บริการรับขนส่งผู้โดยสารทางเรือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเข้าลักษณะเป็น "การ ให้บริการ" ที่มิใช่บริการขนส่งสาธารณะ หากมีการจ่ายเงินได้ค่าบริการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2544 เป็นต้นไป อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามข้อ 2(13) ของ กฎกระทรวง ฉบับที่ 144 (พ.ศ.2522)ฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 229 (พ.ศ.2544)ฯ ประกอบกับ ข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย คำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.101/2544 ฯ ลงวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2544 ดังนั้น บริษัทฯ ต้องถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ทั้งนี้ การจ่ายเงินได้พึงประเมินที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องมีจำนวนตามสัญญารายหนึ่ง ๆ มีจำนวนตั้งแต่หนึ่งพันบาทขึ้นไป แม้การจ่ายเงินนั้นจะได้แบ่งจ่าย ครั้งหนึ่ง ๆ ไม่ถึงหนึ่งพันบาท ที่มา:หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811/8717 ลงวันที่ 06 กันยายน 2544 |