การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ข้อเท็จจริงบริษัท ท. เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย ประกอบกิจการท่าเทียบเรือและคลังน้ำมัน บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2539 แต่เนื่องจากบริษัทฯ ประสบปัญหาทางธุรกิจ ทำให้ผลประกอบการขาดทุนมีหนี้สินค้างชำระเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงิน ในปี 2545 บริษัทฯ ได้เจรจา ทำแผนปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับกลุ่มเจ้าหนี้โดยได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนด มีรายละเอียดดังนี้ 1. แนวทางการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ กลุ่มเจ้าหนี้สถาบันการเงินยอมลดหนี้ให้บริษัทฯ และรับชำระจำนวน 668 ล้านบาท เมื่อ บริษัทฯ ชำระเงินครบถ้วนแล้ว จึงจะลดหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยค้างชำระให้บริษัทฯ 2. เงื่อนไขการชำระหนี้ - กำหนดชำระ ณ วันลงนามในสัญญา (ปี 2545) จำนวน 20 ล้านบาท - กำหนดชำระภายใน 3 เดือน นับจากวันลงนามในสัญญา (ปี 2545) จำนวน 314 ล้านบาท - หนี้ส่วนที่เหลือจำนวน 334 ล้านบาท ให้ผ่อนชำระเป็นเวลา 6 ปี 3. เงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยและการผ่อนชำระหนี้ส่วนที่เหลือจำนวน 334 ล้านบาท - อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 ต่อปี ปีที่ 2 - 3 คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี ปีที่ 4 - 6 คิดอัตรา MLR เฉลี่ยของ IFCT และ SCB - การผ่อนชำระเงินจำนวน 334 ล้านบาท ปีที่ 1 - 3 ให้ชำระปีละ 33 ล้านบาท (งวดละ 8.25 ล้านบาท) ปีที 4 - 6 ให้ชำระปีละ 78.32 ล้านบาท (งวดละ 19.58 ล้านบาท) งวดสุดท้าย 19.62 ล้านบาท 4. เงื่อนไขอื่น ๆ เงินจำนวน 20 ล้านบาท ที่ชำระ ณ วันลงนามในสัญญาจะไม่มีการคืนให้ เมื่อบริษัทฯ ไม่ สามารถชำระหนี้จำนวน 314 ล้านบาทภายในกำหนด โดยจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปลดภาระหนี้ เงินต้นคงค้างของบริษัทฯ ทั้งจำนวน บริษัทฯ หารือว่าการทำนิติกรรมการลดหนี้ระหว่างบริษัทฯ กับ สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ดังกล่าวในปี 2545 ส่วนลดภาระหนี้ของบริษัทฯ จะได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือไม่เพียงใด กฎหมายที่เกี่ยวข้องพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 410) พ.ศ. 2545แนววินิจฉัยบริษัทประสบปัญหาทางธุรกิจ ทำให้ผลประกอบการขาดทุนมีหนี้สินค้างชำระเจ้าหนี้ สถาบันการเงินคำนวณถึงวันที่ 29 มิถุนายน 2543 เงินต้นและดอกเบี้ยรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,853.15 ล้านบาท ในปี 2545 บริษัทฯ ได้เจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ โดยเจ้าหนี้จะลดหนี้ในส่วนที่ เป็นเงินต้นและดอกเบี้ยให้เมื่อบริษัทฯ ได้ชำระหนี้ จำนวน 668 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จในปี 2551 ซึ่ง การลดหนี้ดังกล่าวเป็นการปลดหนี้ที่เข้าหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตาม ความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 410) พ.ศ. 2545 แต่ไม่ได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 410) พ.ศ. 2545 เนื่องจากมิได้กระทำในระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2546 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ที่มา:หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0706/ก.0038 ลงวันที่ 09 มิถุนายน 2546 |