Skip to Content

การประเมินภาษีจากยอดรายรับ ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการขออนุมัติเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 5

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการขออนุมัติเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 5


ข้อเท็จจริง

ข้อหารือกรณีการไม่อนุมัติให้บริษัทฯ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 5 ของยอด

รายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ของรอบระยะเวลาบัญชีตามมาตรา

71(1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยบริษัทฯ ให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ดังนี้

1. ธุรกิจหลักของบริษัทฯ คือ การขนส่งระหว่างประเทศที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากรายรับ

ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ดังนั้น การจะกำหนดค่าใช้จ่ายสำหรับกิจการอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ กิจการ

ขนส่งจึงไม่อาจกระทำได้

2. จากเหตุผลตาม (1) บริษัทฯ จึงเลือกที่จะชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 5

จากรายได้รวมของกิจการอื่น ๆ แทนที่จะชำระในอัตราร้อยละ 3 ตามอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของ

กิจการขนส่งระหว่างประเทศ

3. กรณีที่เจ้าพนักงานประเมินไม่สามารถคำนวณภาษีได้เนื่องจากขาดหลักฐานก็มีอำนาจ

ประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักค่าใช้จ่ายใด ๆ ดังนั้น เมื่อ บริษัทฯ ไม่อาจ

คำนวณกำไรสุทธิจากรายได้อื่น ๆ หลักการเดียวกันก็ควรจะนำมาใช้ในการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลของ

รายได้อื่น ๆ ของบริษัทฯ ได้ด้วย


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 66 วรรคสอง, มาตรา 76 ทวิ, มาตรา 65 ทวิ, มาตรา 65 ตรี

แนววินิจฉัย

บริษัทฯ เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตามกฎหมายต่างประเทศ กระทำกิจการขนส่งผ่านประเทศ

ต่าง ๆ และมีรายได้ประเภทอื่นจากการให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาเครื่องบินโดยสารของ

สายการบินอื่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าเครื่องดื่มของพนักงาน ซึ่งไม่เข้าลักษณะเป็นรายได้จากกิจการ

ขนส่ง ดังนั้น รายได้ดังกล่าวจึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของรายได้จากกิจการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ

หากแต่ถือเป็นกำไรจากธุรกิจ ฉะนั้น เมื่อสาขาในประเทศไทยของบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการลูกค้า จึงถือ

เป็นกรณีที่บริษัทฯ ให้บริการผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย ตามข้อ 5 วรรค 2 แห่ง

อนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนฯ สาขา

ในประเทศไทยจึงต้องนำรายได้ดังกล่าวมารวมคำนวณกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา

ร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิทั้งนี้ ตามมาตรา 66 วรรคสอง และมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร

และข้อ 7 วรรค 1 แห่งอนุสัญญาฯ ดังกล่าว

การคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทฯ ให้คำนวณจากรายได้จากกิจการ

หรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีหักด้วยรายจ่ายตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 65

ทวิ และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร กรณีบริษัทฯ มีปัญหาในการเฉลี่ยรายจ่ายระหว่างรายได้

จากกิจการขนส่งและรายได้ประเภทอื่น โดยไม่มีหลักฐานที่จะนำมาพิสูจน์รายจ่ายได้ หาก

เจ้าพนักงานประเมินทำการตรวจสอบและประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคล รายจ่ายที่เกิดขึ้นให้ถือเป็น

รายจ่ายต้องห้ามทั้งหมดตามมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร แล้วจึงนำมาถือเป็นรายจ่ายได้ตาม

หลักเกณฑ์ข้อ 5 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.13/2529 ฯ ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2529 ซึ่งแก้ไข

เพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.21/2531 ฯ ลงวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2531 กรณียังไม่มี

เหตุอันควรอนุมัติให้บริษัทฯ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ

หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ของรอบระยะเวลาบัญชีตามมาตรา 71(1) แห่งประมวลรัษฎากร

และ คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.78/2541 เรื่อง ขอบเขตการใช้อำนาจตามมาตรา 71(1) แห่ง

ประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2541




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0811(กม.07)/712 ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2545

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)