Skip to Content

การควบรวมกิจการ ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการโอนกิจการ

เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการโอนกิจการ


ข้อเท็จจริง

บริษัท ช. จำกัด มีบริษัทในเครือเดียวกันสองแห่งคือ บริษัท ร. จำกัด และบริษัท ป. จำกัด บริษัททั้งสองประกอบกิจการทำสวนปาล์ม และได้ขายผลปาล์มสดทั้งหมดให้แก่บริษัท ช. ต่อมา บริษัท ช. มีนโยบายในการลดต้นทุนการบริหารงาน และการผลิต เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ จึงดำเนินการรับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัททั้งสอง โดยบริษัททั้งสองได้จดทะเบียนเลิกและได้ชำระบัญชีภายในรอบระยะเวลาบัญชีที่โอนกิจการ ในการโอนทรัพย์สินบริษัททั้งสองใช้มูลค่าตามราคาตลาด โดยได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นผู้ดำเนินการประเมินราคาทรัพย์สิน ซึ่งบริษัททั้งสองมีที่ดินที่มีราคาทางบัญชีต่ำกว่าราคาตลาด ณ วันโอนกิจการ ตามมาตรา 74 แห่งประมวลรัษฎากร ผลต่างของราคาตลาดของที่ดินกับราคาบัญชี จะไม่ถือเป็นรายได้ของบริษัทผู้โอน และขณะเดียวกัน บริษัทฯ ต้องถือราคาทางบัญชีเป็นต้นทุน จนกว่าจะได้มีการจำหน่ายที่ดินนั้นไป หากต่อมาบริษัทฯ ต้องการจำหน่ายที่ดินดังกล่าว บริษัทฯ จึงใช้ราคาตลาดซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายไปจริงในการรับโอนกิจการ เป็นต้นทุนในการคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 74 แห่งประมวลรัษฎากร

แนววินิจฉัย

1. การตีราคาทรัพย์สินในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากัน หรือในกรณีที่มีการโอนกิจการระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลด้วยกัน โดยที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้โอนกิจการต้องจดทะเบียนเลิกและมีการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีที่โอนกิจการนั้นให้ตีตามราคาตลาดในวันที่ควบเข้ากันหรือวันที่จดทะเบียนเลิก แต่ไม่ให้ถือว่า ราคาดังกล่าวเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเดิมอันได้ควบเข้ากันนั้น และให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใหม่อันได้ควบเข้ากัน ถือราคาของทรัพย์สินนั้นตามราคาที่ปรากฏในบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเดิมในวันที่ควบเข้ากัน เพื่อประโยชน์ ในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ จนกว่าจะได้มีการจำหน่ายทรัพย์สินนั้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 74(1) แห่งประมวลรัษฎากร

2. กรณีตามข้อเท็จจริง บริษัทผู้โอนต้องตีราคาทรัพย์สินตามราคาตลาดในวันที่จดทะเบียนเลิก หากราคาตลาดนั้นสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาทุน ผลกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่เกิดขึ้นนั้น บริษัทผู้โอนไม่ต้องถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิแต่อย่างใด บริษัทฯ ผู้รับโอนต้องตีราคาทรัพย์สินที่รับโอนมาตามราคาที่ปรากฏในบัญชีของบริษัทผู้โอนในวันที่รับโอนกิจการในการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจนกว่าจะมีการจำหน่ายทรัพย์สินนั้นไป ต่อมาเมื่อบริษัทฯ ได้จำหน่ายทรัพย์สินนั้นไป ต้นทุนของทรัพย์สินที่จำหน่ายให้ถือตามราคาที่ปรากฏในบัญชีของบริษัทผู้โอนเพื่อการคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 65 และมาตรา 65 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร




ที่มา:

หนังสือข้อหารือกรมสรรพากร ที่ กค 0706/10175 ลงวันที่ 06 ธันวาคม 2548

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)