บริษัท A จำกัด ได้ยื่นคำร้อง ค.10 ขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา
70 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเดือนกรกฎาคม 2538 และเดือนมกราคม 2539 จากการตรวจสอบ
เอกสารหลักฐานสรุปข้อเท็จจริงได้ว่า
1. บริษัท A ได้ทำสัญญากู้ยืมเงินกับ BANKAMERICA SINGAPORE LIMITED AND BA
ASIA LIMITED ฮ่องกง เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2538 เป็นจำนวนเงินกู้ตามสัญญา 78,000,000.00
เหรียญสหรัฐฯ กำหนดใช้คืนในวันที่ 25 มกราคม 2541
2. ขณะเดียวกันบริษัท A ได้ทำสัญญาอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกับ บริษัท B
โดยผ่านบัญชี CITYBANK กำหนดเป็นจำนวนเงิน 50,000,000.00 เหรียญสหรัฐฯ โดยใช้สัญญาหลัก
ของ ไอ เอส ดี เอ ฉบับปี 2535 ซึ่งกำหนดให้บริษัท A เป็นผู้จ่ายในอัตราคงที่ จ่ายทุก 6 เดือน จน
ครบกำหนดชำระเงินในวันที่ 25 มกราคม 2541 และกำหนดให้ บริษัท B เป็นผู้จ่ายอัตราลอยตัว โดย
จ่ายทุก 6 เดือน จนครบกำหนดชำระเงิน
3. เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการแลกเปลี่ยนดังกล่าว บริษัท B จะส่งผลต่างระหว่าง
อัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยซึ่งคำนวณตามอัตราที่ตกลงแลกเปลี่ยนกันให้กับบริษัท A โดยงวด
สำหรับเดือนกรกฎาคม 2538 เป็นจำนวนเงิน 7,783,628.44 บาท และงวดสำหรับเดือนมกราคม
2539 เป็นจำนวนเงิน 13,764,285.97 บาท
สพท. เห็นว่า การที่บริษัท A ทำสัญญากู้ยืมเงินจาก BANKAMERICA SINGAPORE
LIMITED AND BA ASIA LIMITED และในขณะเดียวกันก็ทำสัญญาอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินและอัตรา
ดอกเบี้ยกับบริษัท B เพื่อจ่ายดอกเบี้ยในอัตราคงที่ ถือได้ว่าการชำระเงินส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยให้
กับบริษัท B นั้นเสมือนเป็นการกู้ยืมเงินสกุลเหรียญสหรัฐในฐานะเจ้าหนี้ การชำระเงินดังกล่าวจึงเข้า
ลักษณะเป็นเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกับดอกเบี้ย ผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากการให้
กู้ยืมตามมาตรา 40 (4) ก แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อบริษัท A ชำระเงินตามสัญญาอัตราแลกเปลี่ยนไป
ให้ บริษัท B ซึ่งมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย บริษัท A จึงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้นิติบุคคลไว้ใน
อัตราร้อยละ 15 ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร จึงหารือว่า ความเห็นดังกล่าวถูกต้องหรือไม่
สรรพากรภาค ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวได้มีแนววินิจฉัยของ
กรมสรรพากรพิจารณาไว้เป็น 2 แนว ซึ่งขัดแย้งกัน ดังนี้
1. ตามหนังสือที่ กค 0802/14866 ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2531 ได้วินิจฉัยว่าสัญญาที่ทำขึ้น
ระหว่างกันเป็นสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย โดยกำหนดจำนวนเงินขึ้น เพื่อประโยชน์ในการคำนวณ
ดอกเบี้ยซึ่งจะแลกเปลี่ยนกันในแต่ละงวด จึงไม่ใช่สัญญากู้ยืมเงิน ผลต่างของอัตราดอกเบี้ยที่บริษัทส่งออก
ไปให้คู่สัญญาในต่างประเทศ จึงไม่ถือเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืมตามมาตรา 40 (4) (ก) แห่ง
ประมวลรัษฎากร แต่เป็นเงินได้จากการประกอบธุรกิจการพาณิชย์ จึงเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8)
แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น เมื่อบริษัทในประเทศไทยส่งผลต่างของอัตราดอกเบี้ยออกไปให้คู่สัญญา ซึ่ง
มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยบริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 70
แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด
2. ตามหนังสือที่ กค 0802/4441 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2539 เป็นกรณีที่บริษัททำสัญญากู้
กับธนาคารต่างประเทศ และขณะเดียวกันก็ได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนสกุลเงินพร้อมทั้งแลกเปลี่ยนอัตรา
ดอกเบี้ยกับธนาคารผู้ให้กู้ ถือว่าคู่สัญญาได้ตกลงแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยและมีผลให้ผู้กู้ต้องชำระหนี้เงินกู้
ยืมให้เจ้าหนี้เสมือนเป็นการกู้ยืมเงินสกุลที่ทำสัญญาแลกเปลี่ยนกัน การชำระเงินตามสัญญาแลกเปลี่ยน
ดังกล่าว จึงเข้าลักษณะเป็นเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกับดอกเบี้ย ตามมาตรา 40 (4) (ก) แห่ง
ประมวลรัษฎากร
ดังนั้นขอทราบว่า เงินได้ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเงินได้ประเภทใด และผู้จ่ายเงินได้
ดังกล่าวมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย หรือไม่ อัตราเท่าใด
บริษัท A จำกัด ได้ยื่นคำร้อง ค.10 ขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา
70 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเดือนกรกฎาคม 2538 และเดือนมกราคม 2539 จากการตรวจสอบ
เอกสารหลักฐานสรุปข้อเท็จจริงได้ว่า
1. บริษัท A ได้ทำสัญญากู้ยืมเงินกับ BANKAMERICA SINGAPORE LIMITED AND BA
ASIA LIMITED ฮ่องกง เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2538 เป็นจำนวนเงินกู้ตามสัญญา 78,000,000.00
เหรียญสหรัฐฯ กำหนดใช้คืนในวันที่ 25 มกราคม 2541
2. ขณะเดียวกันบริษัท A ได้ทำสัญญาอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกับ บริษัท B
โดยผ่านบัญชี CITYBANK กำหนดเป็นจำนวนเงิน 50,000,000.00 เหรียญสหรัฐฯ โดยใช้สัญญาหลัก
ของ ไอ เอส ดี เอ ฉบับปี 2535 ซึ่งกำหนดให้บริษัท A เป็นผู้จ่ายในอัตราคงที่ จ่ายทุก 6 เดือน จน
ครบกำหนดชำระเงินในวันที่ 25 มกราคม 2541 และกำหนดให้ บริษัท B เป็นผู้จ่ายอัตราลอยตัว โดย
จ่ายทุก 6 เดือน จนครบกำหนดชำระเงิน
3. เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการแลกเปลี่ยนดังกล่าว บริษัท B จะส่งผลต่างระหว่าง
อัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยซึ่งคำนวณตามอัตราที่ตกลงแลกเปลี่ยนกันให้กับบริษัท A โดยงวด
สำหรับเดือนกรกฎาคม 2538 เป็นจำนวนเงิน 7,783,628.44 บาท และงวดสำหรับเดือนมกราคม
2539 เป็นจำนวนเงิน 13,764,285.97 บาท
สพท. เห็นว่า การที่บริษัท A ทำสัญญากู้ยืมเงินจาก BANKAMERICA SINGAPORE
LIMITED AND BA ASIA LIMITED และในขณะเดียวกันก็ทำสัญญาอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินและอัตรา
ดอกเบี้ยกับบริษัท B เพื่อจ่ายดอกเบี้ยในอัตราคงที่ ถือได้ว่าการชำระเงินส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยให้
กับบริษัท B นั้นเสมือนเป็นการกู้ยืมเงินสกุลเหรียญสหรัฐในฐานะเจ้าหนี้ การชำระเงินดังกล่าวจึงเข้า
ลักษณะเป็นเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกับดอกเบี้ย ผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากการให้
กู้ยืมตามมาตรา 40 (4) ก แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อบริษัท A ชำระเงินตามสัญญาอัตราแลกเปลี่ยนไป
ให้ บริษัท B ซึ่งมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย บริษัท A จึงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้นิติบุคคลไว้ใน
อัตราร้อยละ 15 ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร จึงหารือว่า ความเห็นดังกล่าวถูกต้องหรือไม่
สรรพากรภาค ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวได้มีแนววินิจฉัยของ
กรมสรรพากรพิจารณาไว้เป็น 2 แนว ซึ่งขัดแย้งกัน ดังนี้
1. ตามหนังสือที่ กค 0802/14866 ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2531 ได้วินิจฉัยว่าสัญญาที่ทำขึ้น
ระหว่างกันเป็นสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย โดยกำหนดจำนวนเงินขึ้น เพื่อประโยชน์ในการคำนวณ
ดอกเบี้ยซึ่งจะแลกเปลี่ยนกันในแต่ละงวด จึงไม่ใช่สัญญากู้ยืมเงิน ผลต่างของอัตราดอกเบี้ยที่บริษัทส่งออก
ไปให้คู่สัญญาในต่างประเทศ จึงไม่ถือเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืมตามมาตรา 40 (4) (ก) แห่ง
ประมวลรัษฎากร แต่เป็นเงินได้จากการประกอบธุรกิจการพาณิชย์ จึงเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8)
แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น เมื่อบริษัทในประเทศไทยส่งผลต่างของอัตราดอกเบี้ยออกไปให้คู่สัญญา ซึ่ง
มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยบริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 70
แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด
2. ตามหนังสือที่ กค 0802/4441 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2539 เป็นกรณีที่บริษัททำสัญญากู้
กับธนาคารต่างประเทศ และขณะเดียวกันก็ได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนสกุลเงินพร้อมทั้งแลกเปลี่ยนอัตรา
ดอกเบี้ยกับธนาคารผู้ให้กู้ ถือว่าคู่สัญญาได้ตกลงแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยและมีผลให้ผู้กู้ต้องชำระหนี้เงินกู้
ยืมให้เจ้าหนี้เสมือนเป็นการกู้ยืมเงินสกุลที่ทำสัญญาแลกเปลี่ยนกัน การชำระเงินตามสัญญาแลกเปลี่ยน
ดังกล่าว จึงเข้าลักษณะเป็นเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกับดอกเบี้ย ตามมาตรา 40 (4) (ก) แห่ง
ประมวลรัษฎากร
ดังนั้นขอทราบว่า เงินได้ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเงินได้ประเภทใด และผู้จ่ายเงินได้
ดังกล่าวมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย หรือไม่ อัตราเท่าใด
Article Number: 83
Author: Thu, Jul 28, 2022
Last Updated: Thu, Jul 28, 2022
Online URL: https://www.paseetax.com/article/จ่ายเงินได้ไปต่างประเทศ-ภาษีเงินได้นิติบุคคล-กรณีการจ่ายเงินตามสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ-83.html